“อรรถพล”พร้อมไปสภาฯขับเคลื่อนพ.ร.บ.การศึกษาฯที่ผ่านมายอมรับ”น้อยใจ”ขอใช้เวลา1 ปีโชว์ฝีมือทำงานการศึกษา
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก- ก+
“อรรถพล”พร้อมไปสภาฯขับเคลื่อนพ.ร.บ.การศึกษาฯที่ผ่านมายอมรับ”น้อยใจ”ขอใช้เวลา1 ปีโชว์ฝีมือทำงานการศึกษาเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2566 ดร.อรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ ให้ไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาการศึกษา เพื่อให้ไปจัดทำร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ… ซึ่งยังไม่ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ว่า เรื่องที่จะต้องทำมี 2 เรื่อง คือ เรื่องแรกการจัดทำพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ…ที่ต้องขับเคลื่อนต่อไปให้ได้ ต้องทำการประชาพิจารณ์สอบถามผู้ที่เกี่ยวข้องว่าร่างฉบับเดิมที่ไม่ผ่านสภาฯเป็นอย่างไรบ้าง หรือต้องนำมาแก้ไขปรับปรุงใหม่ หรือต้องมาทำใหม่ทั้งหมด ทั้งนี้พ.ร.บ.ดังกล่าวจะต้องสอดคล้องกับการศึกษาในอนาคตของประเทศด้วย แต่สิ่งที่รมว.ศึกษาธิการกังวลคือ แนวทางที่จะทำให้เกิดประโยชน์กับผู้เรียนในอนาคต จะเป็นอย่างไร และจะออกแบบกันแบบไหน
ดร.อรรถพล กล่าวต่อไปว่า ประเด็นที่สอง คือแผนการศึกษาแห่งชาติ 20 ปี ซึ่งปีนี้เข้าสู่ปีที่หก เมื่อการศึกษาเปลี่ยนไปด้วยโรคอุบัติใหม่ก็เกิดขึ้น ต้องมาดูว่าที่เคยทำแผนการศึกษาแห่งชาติไว้ยังสามารถดำเนินการตามกรอบเดิมได้หรือไม่ หรือจะต้องมาแก้ไขปรับปรุงใหม่ แต่โดยหลักการทุก 5 ปี จะต้องมาแก้ไขปรับปรุงใหม่ ดังนั้นเมื่อเข้าปีที่ 6 ซึ่งเป็นช่วงของรัฐบาลใหม่ รัฐมนตรีใหม่ ก็จะนำแนวนโยบาย ของรัฐบาลใหม่และรัฐมนตรีมาขับเคลื่อนในแผนการศึกษาแห่งชาติ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาให้เกิดการขับเคลื่อน
“ผมเป็นข้าราชการแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เงินเดือนที่ผมได้รับมาจากภาษีของประชาชน เพราะฉะนั้นเรื่องการเมือง ก็คือการเมือง เขาให้ผมไปทำงานที่ไหนเราก็ไป ทำงานให้มีประสิทธิภาพประสิทธิผลตามที่ประชาชนเสียภาษีทำให้สมกับเป็นข้าราชการ ผมรักในวิชาชีพของการเป็นข้าราชการ รักชาติศาสน์กษัตริย์”ดร.อรรถพล กล่าวและว่า ยอมรับว่าที่พูดไปว่าจะลาออกฟ้องศาลปกครองเพราะความน้อยใจเกิดขึ้นตามอารมณ์ของคนปกติ แต่เมื่อนำมาไตร่ตรอง ทบทวนดูแล้ว ตัวเราเองก็เห็นว่ากว่าจะมาเป็นข้าราชการเติบโตมาจากครูน้อยตั้งแต่ปี 2527 จนถึงปัจจุบันก็ 40 ปีแล้ว ต่อสู้มาด้วยความยากลำบาก หากเราใช้อารมณ์ความน้อยใจยึดติดกับหัวโขนมันก็ไม่เกิดประโยชน์ ซึ่งเราต้องมองบ้านเมืองเป็นสำคัญ ดังนั้นอีก 1ปี ที่เหลือจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: Focusnews วันที่ 5 ตุลาคม 2566