“ประวิต” แจงผลวิจัยประเมินเกณฑ์ PA ครูพอใจ หนุนก้าวหน้าวิชาชีพ
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก- ก+
“ประวิต” แจงผลวิจัยประเมินเกณฑ์ PA ครูพอใจ หนุนก้าวหน้าวิชาชีพเลขาธิการ ก.ค.ศ. เผย ผลการวิจัยจุฬาฯ ประเมินเกณฑ์วิทยฐานะระบบ PA เป็นที่น่าพอใจของครู
เมื่อวันที่ 21 ก.ย. รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เปิดเผยถึงผลวิจัยการประเมินผลการใช้ระบบวิทยฐานะรูปแบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement : PA) ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ว 9 – ว 11/2564 (วPA) โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากการสำรวจกลุ่มเป้าหมายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ใช้ระบบการประเมินวิทยฐานะรูปแบบข้อตกลงพัฒนางาน หรือ PA ทั่วประเทศ โดยได้ประเมินประสิทธิผลและผลลัพธ์ รวมทั้งศึกษาปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะของ วPA ซึ่งได้ทำการศึกษาใน 4 ระดับ ได้แก่ ระดับ 1 ความรู้สึก ระดับ 2 การเรียนรู้ ระดับ 3 พฤติกรรม และระดับ 4 ผลลัพธ์ พบว่า ในระดับความรู้สึก ผู้ใช้งานมีความพึงพอใจในด้านส่งเสริมความก้าวหน้าทางวิชาชีพ ร้อยละ 92.01 เชื่อมโยงกับการปฏิบัติงานจริง ร้อยละ 91.29 ช่วยสะท้อนคิดและพัฒนาการสอน ร้อยละ 91.28 ระดับการเรียนรู้ ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจลักษณะงานที่ปฏิบัติตามาตราฐานตำแหน่ง ร้อยละ 88.62 สามารถอธิบายระดับการปฏิบัติที่คาดหวังของวิทยฐานะ ร้อยละ 87.65 และสามารถจำหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินฯ ตามวิทยฐานะได้ ร้อยละ 85.95 ระดับพฤติกรรม ผู้ใช้งานสามารถนำความรู้หรือทักษะใหม่ ๆ ที่ได้รับจากการประเมินฯ ไปปฏิบัติ ร้อยละ 92.25 มีการปรับเปลี่ยนการสอนโดยอาศัยข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการประเมินฯ ร้อยละ 89.83 เพิ่มการสะท้อนคิดในการปฏิบัติงาน ร้อยละ 89.58 และระดับผลลัพธ์ระบบ PA ช่วยให้เกิดการพัฒนาครูและก่อให้เกิดประโยชน์กับการเรียนรู้ของผู้เรียน ร้อยละ 92.74 ช่วยระบุจุดแข็งและจุดที่ควรพัฒนาพร้อมแนวทางการพัฒนาที่ชัดเจน ร้อยละ 89.59 รวมถึงสร้างการพัฒนาบนฐานของการจัดการเรียนรู้และการจัดการชั้นเรียน ร้อยละ 88.62
สำหรับปัญหาที่พบในการใช้งานระบบการประเมินวิทยฐานะ วPA ระยะแรกพบว่าผู้ใช้งานมีอุปสรรคในด้านระยะเวลาที่ใช้ในการพิจารณาผล ซึ่งสำนักงาน ก.ค.ศ. ได้มีการพัฒนาระบบเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และได้รับผลตอบรับจากผู้ใช้งานที่ดีขึ้น และมีข้อเสนอแนะในการวิจัย ใน 5 ประเด็นได้แก่ 1.การให้ข้อมูลย้อนกลับและการสื่อสารอย่างทันท่วงที 2.การปรับปรุงระบบประเมินวิทยฐานะดิจิทัล (DPA) 3.การเสริมสร้างการสนับสนุนจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา 4.การเพิ่มการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างครูและผู้บริหาร และ 5.การสร้างความเข้าใจถึงประโยชน์ของระบบ DPA
ทั้งนี้ สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้นำผลการวิจัยดังกล่าวเสนอให้ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ รับทราบแล้ว พร้อมทั้งรับนโยบายและข้อสั่งการในการขับเคลื่อนระบบ PA ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งหลังจากนี้ สำนักงาน ก.ค.ศ. จะมีการพัฒนาระบบ DPA ในเวอร์ชั่น 2 เพื่อลดกระบวนการและขั้นตอนในการดำเนินการให้ง่ายขึ้น สะดวกต่อการใช้งาน และจะนำข้อเสนอแนะที่ได้จากผลการวิจัยในครั้งนี้มาพัฒนาระบบ เพื่อให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลต่อไป
ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 21 กันยายน 2566 เวลา 11:47 น.