แก้ประกาศรับนร.ปี62เข้ม ม.3ขึ้นม.4รร.เดิมต้องรับหมด
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก- ก+
แก้ประกาศรับนร.ปี62เข้ม ม.3ขึ้นม.4รร.เดิมต้องรับหมดสพฐ.แก้ประกาศรับเด็กปี 62 ตัดเงื่อนไขพิเศษเหลือ 4 ข้อ เข้มตรวจสอบคุณสมบัติเด็กพื้นที่บริการ ม.3 ขึ้นม.4 โรงเรียนเดิมต้องรับทั้งหมด พร้อมขยับวันรับสมัครม.1,ม.4 เป็นวันที่ 22-27 มี.ค.งดรับสมัคร 24 มี.ค.หลีกทางให้เลือกตั้ง
วันนี้ (8 ก.พ.) รศ.ดร.เอกชัย กี่สุขพันธ์ ประธานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยผลการประชุม กพฐ.ว่า ที่ประชุมมีมติแก้ไขประกาศสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เรื่อง นโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียน สังกัด สพฐ. ปีการศึกษา 2562 ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเรื่อง มาตรการป้องกันการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทน เพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษา สังกัด สพฐ.ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เสนอ โดยที่ประชุมมีมติปรับปรุงประกาศ สพฐ. ดังนี้ ปรับปฏิทินการรับสมัครรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา(ม.) ปีที่ 1 และ ม.4 ปีการศึกษา 2562 ซึ่งเดิมกำหนดรับสมัครระหว่างวันที่ 23-27 มีนาคม แต่เนื่องจากคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ได้กำหนดให้วันที่ 24 มีนาคม 2562 เป็นวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ดังนั้น จึงเลื่อนวันรับสมัครเป็นวันที่ 22-27 มีนาคม โดยให้งดการรับสมัครในวันที่ 24 มีนาคม เพื่อให้ผู้ปกครองไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เพราะฉะนั้น จึงมีระยะเวลาการรับสมัครเท่าเดิมคือ 5 วัน
รศ.ดร.เอกชัย กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมมีมติแก้คำนิยาม คุณสมบัติและหลักเกณฑ์การเป็นนักเรียนในเขตพื้นที่บริการของโรงเรียนให้มีความชัดเจนและเข้มงวดขึ้น โดยนักเรียนในเขตพื้นที่บริการ หมายถึง นักเรียนที่มีชื่อในทะเบียนบ้านที่อยู่ในเขตพื้นที่บริการของโรงเรียนอย่างน้อย 2 ปีนับถึงวันที่ 16 พฤษภาคม 2562 และต้องอาศัยอยู่จริงกับบิดามารดา หรือผู้ปกครองที่เป็นเจ้าบ้าน โดยให้เจ้าบ้าน หรือ เจ้าของบ้าน รับรองการอาศัยอยู่จริง ทั้งนี้ผู้ปกครอง หมายถึง บิดามารดา หรือ ผู้ปกครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ รวมถึงบุคคลที่เด็กอยู่ด้วยเป็นประจำ โดยเด็กต้องอาศัยอยู่ที่บ้านนั้นจริงๆ ซึ่งในการรับสมัครนักเรียน จะมีใบสมัครของผู้ปกครองให้รับรองตนเองว่า “เด็กพำนักอยู่ในบ้านนั้นจริง หากมีการตรวจสอบพบภายหลังว่าไม่ได้พักอาศัยอยู่จริง ยินดีรับโทษให้เด็กออกจากโรงเรียนนั้นได้โดยไม่ฟ้องร้อง” นอกจากนี้ ยังมีความผิดทางกฎหมายแพ่งและอาญาฐานให้ข้อมูลเท็จ
“การรับนักเรียนชั้น ม.1 ในเขตพื้นที่บริการ 60% และรับนักเรียนทั่วไปด้วยวิธีการสอบคัดเลือก 40% ซึ่งในการประกาศรายชื่อให้สถานศึกษาประกาศรายชื่อ โดยเรียงตามลำดับคะแนนที่เด็กทำได้ทุกคน แต่ไม่ต้องประกาศผลคะแนน เนื่องจากการประกาศผลคะแนนจะเป็นการละเมิดสิทธิ์ แต่ถ้าผู้ปกครองอยากรู้คะแนนของเด็กให้ไปขอดูที่สถานศึกษา ทั้งนี้ การประกาศรายชื่อโดยเรียงลำดับคะแนน จะทำให้ถ้ามีเด็กสละสิทธิเด็กในลำดับถัดไปก็ได้เลื่อนมาแทน ไม่สามารถนำเด็กที่ได้คะแนนน้อย หรือ ไม่ได้มาสมัครสอบเข้ามาสวมสิทธิแทนได้ ส่วนการรับนักเรียนชั้นม.3 เข้าเรียนต่อชั้นม.4 ในโรงเรียนเดิม ให้สถานศึกษารับเด็กม.3 ทุกคนที่ประสงค์จะเรียนในโรงเรียนเดิม หากมีที่เหลือสามารถเปิดรับสมัครสอบคัดเลือกเด็กทั่วไปได้ จากหลักเกณฑ์เดิมกำหนดให้โรงเรียนรับเด็กทั่วไป 20% ของแผนการรับนักเรียนชั้นม.4 ซึ่งจะทำให้นักเรียนม.3 ส่วนหนึ่งต้องหลุดออกจากโรงเรียนเดิม”รศ.ดร.เอกชัย กล่าว
ประธาน กพฐ. กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติปรับปรุงหลักเกณฑ์การรับนักเรียน กรณีเงื่อนไข ซึ่งเดิมการรับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษมี 7 ข้อจะลดเหลือ 4 ข้อ ได้แก่ 1.นักเรียนที่อยู่ในความอนุเคราะห์ของผู้บริจาคที่ดินเพื่อจัดตั้งโรงเรียน เนื่องจากเป็นข้อผูกพันเดิมของโรงเรียน 2.นักเรียนที่เป็นผู้ยากไร้และด้อยโอกาส 3.นักเรียนที่เป็นบุตรผู้เสียสละเพื่อชาติ หรือ ผู้ประสบภัยพิบัติ ที่ต้องการได้รับการสงเคราะห์ดูแลเป็นพิเศษ และ4.นักเรียนที่เป็นบุตรราชการครู และบุคลากรของโรงเรียน ส่วนที่ตัดออก 3 ข้อ ได้แก่ 1.นักเรียนที่ทำคะแนนสอบคัดเลือกเท่ากันในลำดับสุดท้าย 2.รับนักเรียนโควตาตามข้อตกลงของโรงเรียนคู่สหกิจ หรือคู่พัฒนา หรือโรงเรียนเครือข่าย และ3.นักเรียนที่อยู่ในอุปการะของผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ซึ่ง สพฐ.จะประกาศหลักเกณฑ์การรับนักเรียนใหม่ให้สถานศึกษาถือปฏิบัติได้ในสัปดาห์หน้า สำหรับการระดมทรัพยากรนั้นทางโรงเรียนสามารถทำได้หลังจากสิ้นสุดการรับนักเรียนเข้าเรียนเรียบร้อยแล้ว.
ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 14.00 น.