LASTEST NEWS

23 ธ.ค. 2567ข่าวดี! โรงเรียนสวนกุหลาบฯ เพชรบูรณ์ ประกาศหยุดพิเศษ 2-3 ม.ค. 68 เปิดโอกาสใช้เวลาอบอุ่นกับครอบครัวช่วงปีใหม่ ยาว ๆ 9 วันเต็ม 23 ธ.ค. 2567สพป.อุบลราชธานี เขต 3 ขอใช้บัญชีครูผู้ช่วย สพป.อุบลราชธานี เขต 5 จำนวน 23 อัตรา - รายงานตัว 2 มกราคม 2568 23 ธ.ค. 2567โรงเรียนบ้านหนองบัว รับสมัครครูอัตราจ้าง วุฒิปริญญาตรีทุกสาขา เงินเดือน 6,000 บาท ตั้งแต่บัดนี้ - 25 ธันวาคม 2567 21 ธ.ค. 2567ปฏิทินการจ่ายเงินเดือนข้าราชการและค่าจ้างลูกจ้างประจำ ประจำปี 2568 20 ธ.ค. 2567สพป.บึงกาฬ เรียกบรรจุครูผู้ช่วย (ขอใช้บัญชี สพม.หนองคาย) จำนวน 3 อัตรา - รายงานตัว 2 มกราคม 2568 20 ธ.ค. 2567​​​​​​​กรมบัญชีกลาง เปิดสอบพนักงานราชการ 27 อัตรา ไม่ต้องผ่าน ภาค ก ตั้งแต่ 3 - 24 มกราคม 2568 19 ธ.ค. 2567สพป.บุรีรัมย์ เขต 1 ขอใช้บัญชีครูผู้ช่วย เขตอื่น ใช้บรรจุ 2 วิชาเอก 13 อัตรา รายงานตัว 26 ธันวาคม 2567 19 ธ.ค. 2567สพป.มหาสารคาม เขต 2 เผยบัญชีตำแหน่งว่างใช่บรรจุครูผู้ช่วย รอบที่ 5  19 ธ.ค. 2567สพป.อุดรธานี เขต 4 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย 45 อัตรา 18 ธ.ค. 2567ผู้บริหาร สพฐ. ร่วมประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ครั้งที่ 10/2567

'ดีเอสไอ' ลุยแกะรอยทุจริตสอบครู! หวั่นซ้ำรอยมหากาพย์โกงสอบสีกากี

  • 05 มี.ค. 2556 เวลา 12:57 น.
  • 19,561
'ดีเอสไอ' ลุยแกะรอยทุจริตสอบครู! หวั่นซ้ำรอยมหากาพย์โกงสอบสีกากี

นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ LINE it! - +

วงจรอุบาทว์กัดกร่อนระบบราชการไทยเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง จากการพยายามทุจริตสอบเข้ารับราชการหลายหน่วยงาน แต่ที่เป็นข่าวโด่งดังสะท้านเมืองเมื่อปี 2555 คงเป็นกรณีการจับกุมผู้ทุจริตการสอบคัดเลือกบุคคลภายนอกจบวุฒิ ม.6 หรือเทียบเท่าเข้าเป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวน จะเรียกว่าเป็นการจับกุมกระบวนการทุจริตได้แบบครั้งประวัติศาสตร์        
      
เรื่องราวของการพยายามทุจริตการสอบตำรวจยังไม่ทันจะเงียบหายไปจากสังคม แต่ขบวนการทุจริตยังเริ่มลุกลามเข้ามาในแวดวงการศึกษา หลังปรากฏข้อพิรุธการจัดสอบคัดเลือกข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตำแหน่ง “ครูผู้ช่วย” (กรณีมีความจำเป็นหรือเหตุพิเศษ ว 12)  จำนวน  2,000 อัตรา เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ  ภายหลังการสอบผ่านพ้นไปกว่า 1 เดือน กระทั่งเมื่อวันที่ 27 ก.พ. นายเสริมศักดิ์  พงษ์พานิช  รมช.ศึกษาธิการ ได้เดินเครื่องตรวจสอบอย่างจริงจัง ด้วยการส่งมอบเอกสารหลักฐาน โดยเฉพาะผลสอบข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นมาตรวจสอบเบื้องต้น ให้กับ นายธาริต เพ็งดิษฐ์  อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ช่วยตรวจสอบขยายผล  
 
เนื่องจากช่วงเดือนเม.ย.นี้จะมีการจัดสอบบรรจุข้าราช “ครูผู้ช่วย” (กรณีทั่วไป) อีกจำนวน 1,000 อัตรา เพราะหากไม่สามารถหาความจริงในกรณีนี้ได้ก็อาจจำเป็นต้องเลื่อนการจัดสอบครั้งอื่นออกไป เพื่อให้การสอบมีความโปร่งใสและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย กระทรวงศึกษาธิการ ได้มีความกังวลอย่างมากกับกรณีนี้เพราะสงสัยว่าอาจจะมีข้าราชการเข้าไปมี
 

 
ส่วนร่วมด้วย ดังนั้นจึงต้องการให้ดีเอสไอ ซึ่งเป็นหน่วยงานนอกช่วยตรวจสอบและยืนยันว่ามีการทุจริตจริงหรือไม่? ก่อนนำผลการตรวจสอบที่ได้กลับไปพิจารณาหามาตรการที่เหมาะสมสำหรับผลการสอบที่ผ่านมา
 
สำหรับผลสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กระทรวงศึกษาธิการ ระบุพบการกระทำส่อทุจริต 3 รูปแบบ คือ
1. การนำข้อสอบและคำเฉลยออกมาจำหน่ายล่วงหน้า  
2. มีการพยายามใช้เครื่องมือสื่อสารทุจริตในขณะสอบ และ
3. มีการให้บุคคลอื่นเข้ามาสอบแทน  โดยทั้งหมดมีลักษณะการ กระทำผิดเป็นขบวนการใกล้เคียงการทุจริตสอบบรรจุข้าราชการตำรวจ
 
อย่างไรก็ดีเรื่องนี้เมื่อทางกระทรวงศึกษาธิการยื่นเรื่องมาถึงมือนายธาริต อธิบดีดีเอสไอ ก็ได้รับเรื่องตรวจสอบทันทีเพราะมองว่าเป็นเรื่องสำคัญและส่งผลกระทบในวงกว้าง  พร้อมมอบหมายให้ นายธานินทร์  เปรมปรีดิ์  รองผู้บัญชาการ สำนักคดีอาญาพิเศษ 2 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ดีเอสไอ ประสานข้อมูลกับกระทรวงศึกษาธิการเพื่อตรวจสอบให้ได้ข้อเท็จจริงว่ามีการทุจริตจริงหรือไม่ก่อนแจ้งผลให้ทราบภายใน 15 วัน 
 
ประเด็นการตรวจสอบนั้น ดีเอสไอจะตรวจว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นจริงตามข้อมูลที่ได้รับจากกระทรวงศึกษาธิการหรือไม่ และมีพฤติกรรมในลักษณะใด อยู่ในพื้นที่ใดบ้างเพื่อส่งมอบข้อมูลให้กระทรวงศึกษาธิการอย่างเร่งด่วน เพราะกระทรวงศึกษาธิการต้องการคำยืนยันของดีเอสไอไปประกอบการพิจารณายกเลิกการสอบ ขณะนี้จึงยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะยกเลิกการสอบหรือไม่  หากยกเลิกจะยกเลิกทั้งหมดหรือยกเลิกการสอบเป็นรายพื้นที่ที่พบการทุจริตเท่านั้น เป้าหมายแรกที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบขณะนี้คือสนามสอบในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบความผิดปกติ กรณีที่มีรายชื่อผู้สมัครซ้ำกัน 2 รายชื่อใน 2 สนามสอบ 
 
นอกจากตรวจสอบเบื้องต้นแล้วยังมีขั้นตอนการสอบสวน เชิงลึก เกี่ยวกับขบวนการและผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดนั้น ซึ่งดีเอสไอยังไม่มีอำนาจดำเนินการ เนื่องจากการกระทำดังกล่าวไม่เข้าข่ายความผิดแนบท้ายพ.ร.บ.การสอบ สวนคดีพิเศษ  ดังนั้น ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของกระทรวงศึกษาธิการในการเข้าร้องทุกข์ให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ โดยการนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เพื่อมีมติรับเป็นคดีพิเศษก่อน               
 
นายธานินทร์  รองผู้บัญชาการ สำนักคดีอาญาพิเศษ 2 ให้สัมภาษณ์ว่า เบื้องต้นภายในกำหนดระยะเวลา 15 วัน ดีเอสไอจะทำได้เพียงการสืบสวนและแจ้งข้อเท็จจริงการตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับจากกระทรวงศึกษาธิการก่อนหน้านี้ว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ส่วนการสอบสวนเชิงลึกให้ได้ตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งขบวนการต้องให้ กคพ.รับเป็นคดีพิเศษเพื่อจะได้มีอำนาจเข้าไปสอบสวนเต็มที่  แต่เบื้องต้นตามที่กระทรวงศึกษาธิการประสานข้อมูลทำให้วางแนวทางการสืบสวนตามประเด็นที่ส่อผิดปกติคือ กรณีมีรายชื่อผู้เข้าสอบซ้ำกัน 2 พื้นที่,  กรณีการนำเครื่องมือสื่อสารซุกซ่อนเข้าห้องสอบ และกรณีข้อสอบรั่ว ทำให้มีการทำโพยข้อสอบให้ผู้เข้าสอบท่องก่อนเข้าห้องสอบ  โดยดีเอสไอจะสุ่มตรวจสอบสนามสอบพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อนเพราะมีข้อมูลชี้ชัดสุด   
 
จากการสอบปากคำพยานและการตรวจสอบเอกสาร เบื้องต้นพบข้อมูลส่อพิรุธหลายประเด็นเริ่มตั้งแต่กระบวนการเก็บรักษาและการจัดส่งข้อสอบที่เลือกใช้วิธีจัดส่งทางไปรษณีย์ทำให้ข้อสอบตกค้างอยู่ในพื้นที่นานอาจสุ่มเสี่ยงให้ข้อสอบรั่ว รวมถึงการจัดแบ่งข้อสอบออกเป็นชุด ชุดละ 50 ข้อ รวม 4 ชุด โดยแต่ละชุดจะพักช่วงละ 1 ชั่วโมงทำให้เกิดโอกาสทุจริตง่าย นอกจากนี้ยังพบพิรุธการส่งสัญญาณผ่านเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์  รวมไปถึงการส่ง “มือปืน” เข้าไปสอบ  (จ้างบุคคลอื่นเข้าสอบแทน)
 
“ขณะนี้ทำให้สามารถกำหนดกลุ่มบุคคลที่จะลงพื้นที่สอบปากคำได้แล้ว  กลุ่มแรกคือกลุ่ม ผู้อำนวยการโรงเรียน ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 7 ราย โดยสัปดาห์นี้จะลงพื้นที่สอบปากคำบุคคลเหล่านี้ให้แล้วเสร็จ เรื่องดังกล่าวจำเป็นต้องดำเนินการอย่างรอบคอบที่สุดเพราะผลการตรวจสอบของดีเอสไอจะถูกนำไปประกอบการพิจารณาของกระทรวงศึกษาธิการว่าจะยกเลิกการสอบครั้งนี้หรือไม่ เพราะอาจมีผล กระทบกับบุคคลจำนวนมากโดยเฉพาะผู้เข้าสอบส่วนใหญ่ที่ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นการกระทำผิด” รองผู้บัญชาการ สำนักคดีอาญาพิเศษ 2  กล่าว
 
ดังนั้นนอกจากดีเอสไอ จะลงพื้นที่ตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว ก็จะตามเก็บข้อมูลทางลับเพื่อขยายผลว่าขบวนการเหล่านี้มีพื้นที่การทุจริตครอบคลุมมากน้อยขนาดไหน  เพราะหากมีพยานหลักฐานชี้ว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นทุกภาคก็แสดงว่าเป็นการทุจริตทั้งระบบ ทำเป็นขบวนการแน่นอนเรียกว่าภาพรวมคงไม่น่าแตกต่างจากทุจริตการสอบเข้าตำรวจชั้นประทวน
 
แต่ที่น่าจับตาเป็นพิเศษว่าใช่ขบวน การเดิมหรือไม่? เพราะพฤติกรรมเช่นนี้คงมีอยู่เพียงไม่กี่กลุ่มเท่านั้นที่เชี่ยวชาญกับการโกงสอบ!!.
 
โกงสอบ ตร.ครั้งประวัติศาสตร์
 
ก่อนหน้านี้ตั้งแต่ต้นปี 2555  หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ เพิ่งเกาะติดนำเสนอข่าวความเคลื่อนไหวในแวดวงข้าราชการตำรวจ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังจากที่ประชุม ก.ตร.อนุมัติตำแหน่งให้ ดาบตำรวจ ที่มี “อายุ 53 ปี” ขึ้นไป ให้เลื่อนเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร  (ร้อยตำรวจตรี) อนุมัติทั้งหมด 26,133 ตำแหน่ง  นอกจากจะให้ดาบตำรวจได้เป็น ร.ต.ต. แบบอัตโนมัติแล้ว ยังเปิดโอกาสให้บรรดา ตร.ชั้นประทวน (วุฒิปริญญาตรีและปริญญาโท) สอบแข่งขันเป็นนายตำรวจอีกกว่า 7,000 อัตราเช่นกัน จึงทำให้กำลัง ตร.ชั้นประทวนทั่วประเทศซึ่งเป็น “มือทำงาน” ขาดหายไปจำนวนมาก
 
ส่งผลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องประกาศรับบุคคลภายนอกจบวุฒิ ม.6 หรือเทียบเท่าเข้าสอบแข่งขันเป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวนมากเป็นประวัติศาสตร์ถึง 10,000 อัตรา ปรากฏว่าการสอบวันแรกวันที่ 10 มิ.ย. 55 เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดทุจริตการสอบได้แบบมโหฬาร เกือบ 300 คน ตามสนามสอบหลายแห่ง พร้อมอุปกรณ์เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์หลากหลายรูปแบบ เมื่อทีมข่าวอาชญากรรมเดลินิวส์ เกาะติดข่าวนำเสนอต่อเนื่องพบว่า ขบวนการทุจริตโกงสอบตำรวจมีการเชื่อมโยงกันเกือบทั่วประเทศ สุดท้ายหลังเกิดเหตุเพียง 3 วันทำให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงตัดสินใจมีคำสั่งให้ยกเลิกการสอบพร้อมจัดสอบใหม่อย่างรัดกุมพิเศษ ชนิดถึงขั้นทุกคนต้องถอดรองเท้าไว้นอกห้อง ส่วนการขยายผลทำให้พบว่านอกจากจะโกงสอบตำรวจแล้ว ยังเกี่ยวข้องกับการโกงสอบข้าราชการอีกหลายหน่วยงาน.
 
ไอรดา ขันธอุดม รายงาน
 
 
  • 05 มี.ค. 2556 เวลา 12:57 น.
  • 19,561

TAGS ที่เกี่ยวข้อง >>

ความคิดเห็นเกี่ยวกับ : 'ดีเอสไอ' ลุยแกะรอยทุจริตสอบครู! หวั่นซ้ำรอยมหากาพย์โกงสอบสีกากี

เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็น!

ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือ ชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม เพื่อให้ผู้ควบคุมระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป

ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้

^