“ตรีนุช” อึ้ง !!! พบเด็กหลุดระบบไม่อยากกลับมาเรียน
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก- ก+
“ตรีนุช” อึ้ง !!! พบเด็กหลุดระบบไม่อยากกลับมาเรียนเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้หารือถึงการแก้ไขปัญหาความยากจนให้แก่ประชาชนโดยในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะเข้ามาช่วยสนับสนุนให้สถานศึกษาทั่วประเทศขับเคลื่อนโครงการในพระราชดำริ โดยเฉพาะหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้เข้มข้นมากขึ้น เพราะเชื่อว่าหลักการดังกล่าวจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ทั้งการยึดหลักทางสายกลางและความไม่ประมาท คำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล ตลอดจนการใช้ความรู้ด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง และมีคุณธรรมเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจ เพื่อปลูกฝังความพอเพียงให้แก่เด็กและเยาวชน
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ตนได้ตั้งคณะทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อมาระดมความคิดเห็นร่วมกันทำงานด้านความปลอดภัยในสถานศึกษาทุกมิติ เพราะหลังจากเปิดภาคเรียนอย่างเต็มรูปแบบแล้วสิ่งสำคัญคือการดูแลความปลอดภัยนักเรียน เนื่องจากเรามีโรงเรียนหลากหลายทั้งโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ในรูปแบบโรงเรียนประจำ หรือโรงเรียนการศึกษาพิเศษ ซึ่งอาจทำให้มีความหลากหลายของกลุ่มนักเรียน ดังนั้นเราจะมาดูมาตรการของแต่ละโรงเรียนว่ามีมาตรการที่ดำเนินการอย่างจริงจังมากน้อยแค่ไหน พร้อมวางแนวทางเดินหน้าการดูแลส่งเสริมเพิ่มความเข้มแข็งทางใจ ป้องกันเหตุให้แก่นักเรียน ซึ่งคณะทำงานดังกล่าวจะกำหนดเป้าหมาย แนวทางบริหารจัดการ และสนับสนุนดำเนินการโครงการพัฒนาศักยภาพเด็กไทยด้านการศึกษาและสาธารณสุขให้มีสุขภาพกายแข็งแรง จิตใจดี ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ดีและปลอดภัยเอื้อต่อการเรียนรู้ เช่น จัดทำแพลตฟอร์มระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน เชื่อมโยงระบบการเฝ้าระวังและคัดกรองที่มีมาตรฐาน
ต่อข้อถามว่าการแก้ปัญหาเด็กที่หลุดจากระบบการศึกษาที่ขณะนี้ยังมีเด็กที่ตกหล่นอยู่นับหมื่นคนนั้น น.ส.ตรีนุช กล่าวว่า จากข้อมูลดังกล่าวเราดึงเด็กเข้าระบบการศึกษามาได้แล้วจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะโครงการอาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีงานทำ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สามารถดึงเด็กมาได้ประมาณ 4 พันคน แต่จากการสำรวจก็ยังพบว่ามีเด็กอีกจำนวนหนึ่งไม่อยากกลับมาเรียน เนื่องจากต้องช่วยพ่อแม่ทำงาน หรือบางคนต้องดูแลผู้สูงอายุในบ้าน ซึ่งเด็กกลุ่มนี้อาจนำข้อมูลเหล่านี้ไปประสานกับหน่วยงานระดับจังหวัดว่าจะเข้าไปดูแลช่วยเหลืออย่างไร เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่ยั่งยืนต่อไป.
ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: เฟซบุ๊กแฟนเพจ At HeaR วันที่ 21 มิถุนายน 2565