พบผัก-ผลไม้ไทยสารเคมีตกค้างสุดสยอง
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก- ก+
สธ.เผยผลตรวจผัก-ผลไม้ปี 57 พบสารเคมีตกค้างเกินค่ามาตรฐานสูงสุดในใบบัวบก กะหล่ำปลี ผักแขนง แอปเปิล ส้ม ส่วนผักนำเข้ามีในปวยเล้ง ส้ม แก้วมังกร ชี้ระยะสั้นก่อโรคอาหารเป็นพิษ หรือท้องร่วง แต่ระยะยาวก่อโรคมะเร็ง เตรียมออก กม.คุมผัก-ผลไม้บรรจุแพ็กตรวจสอบย้อนหลังได้ถึงต้นตอแหล่งผลิตได้ และรณรงค์อาหารแผงลอยถนน 12 สาย 12 จังหวัด ให้ปลอดภัยศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเปิดงานวันอนามัยโลกประจำปี 2558 ว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ขอให้ทุกประเทศให้ความสำคัญเรื่องอาหารปลอดภัย ซึ่งสร้างได้ตั้งแต่ฟาร์มจนถึงโต๊ะอาหาร เนื่องจากทุกปีทั่วโลกมีคนเสียชีวิตจากการบริโภคอาหารปนเปื้อนเชื้อโรคและสารเคมีปีละ 2 ล้านคน และอาหารที่ไม่ปลอดภัยยังส่งผลกระทบระยะยาวต่อสุขภาพ คือพบคนเป็นโรคมะเร็งสูงขึ้น ส่วนระยะสั้นจะเกิดขึ้นหลังกินอาหารประมาณ 2-3 ชั่วโมง เช่น เกิดอาการอาหารเป็นพิษ โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน สำหรับประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคดังกล่าวปีละกว่า 1 ล้านคน พบทุกวัย ทั้งรายบุคคลและเป็นกลุ่ม
ทั้งนี้ ผลจากการสุ่มตรวจสารเคมีกำจัดศัตรูพืชหรือยาฆ่าแมลงตกค้างในผักและผลไม้ในตลาดสด ซูเปอร์มาร์เก็ต และด่านนำเข้าปี 2557 กว่า 60,000 ตัวอย่าง พบว่ามีสารตกค้างระดับไม่ปลอดภัย 7-9% กลุ่มผักสดที่ตกมาตรฐานสูงสุด ได้แก่ ใบบัวบก ดอกหอม ผักแขนง กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก กลุ่มผลไม้ ได้แก่ สาลี่ แอปเปิล ส้ม แตงโม แคนตาลูป ส่วนผักในกลุ่มนำเข้าตกมาตรฐานสูงสุด ได้แก่ บร็อกโคลี พริกแห้ง ปวยเล้ง ขณะที่ผลไม้นำเข้า ได้แก่ ส้ม แก้วมังกร และองุ่น จึงต้องเร่งดูแลความปลอดภัยทุกตลาด ตั้งแต่ซูเปอร์มาร์เก็ต ตลาดสด ตลาดนัด ไปจนแผงลอยข้างถนนให้ได้มาตรฐาน โดยบูรณาการทำงานระหว่างกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เริ่มตั้งแต่แหล่งผลิตจนถึงพร้อมรับประทาน
ศ.นพ.รัชตะกล่าวว่า การแก้ปัญหา สธ.จะขับเคลื่อน 4 มาตรการในปีนี้ ได้แก่ 1.ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ภายใต้ พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 เพื่อควบคุมมาตรฐานผัก-ผลไม้ที่บรรจุในภาชนะที่นิยมวางจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ต ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำร่างฯ โดยสินค้าเหล่านี้ต้องได้มาตรฐาน GMP หรือ GMP ขั้นพื้นฐาน แสดงฉลากและตราสัญลักษณ์ มีรหัสสินค้า ตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งวัตถุดิบได้ 2.ตั้งศูนย์ประเมินความเสี่ยงภัยสุขภาพจากสารเคมีภาคเกษตรระดับอาเซียน ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยให้กรมพัฒนาชุดทดสอบอย่างง่าย เพื่อตรวจหาสารเคมีภาคเกษตรตกค้างในผัก-ผลไม้ และให้ อย.ปรับปรุงค่าระดับความปลอดภัยของสารเคมีตกค้างในผัก-ผลไม้ให้สอดคล้องกับการใช้สารเคมีของเกษตรกร 3.ตั้งห้องปฏิบัติการมาตรฐานตรวจผัก-ผลไม้ที่ด่านระหว่างประเทศ และ 4.ร่วมมือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ควบคุมสารเคมีทางการเกษตรภายใต้ พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535
รวมทั้งยังมีอีก 2 มาตรการเร่งด่วน คือ 1.จัดระบบเฝ้าระวังป้องกันอาหารที่จำหน่ายทั้งในและหน้าโรงเรียน การกำกับมาตรฐานร้านอาหาร และร้านอาหารแผงลอยข้างถนน ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ชิดประชาชน โดยมอบให้กรมอนามัยเพิ่มการอบรมร้านอาหารที่มีพนักงานเสิร์ฟเป็นแรงงานต่างด้าว จัดโครงการถนนอาหารปลอดภัย 12 สายนำร่องใน 12 จังหวัด ส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีไทย 2558 คือ ตราด จันทบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม บุรีรัมย์ เลย เพชรบูรณ์ ลำปาง น่าน ชุมพร นครศรีธรรมราช และตรัง เปิดตัวปลาย เม.ย.นี้ และพัฒนาร้านอาหารในท่าอากาศยาน 10 แห่ง และ 2.ผลักดันให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่มมาตรการบังคับใช้กฎหมาย คือ พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 โดยเฉพาะกฎกระทรวงว่าด้วยสุขลักษณะตลาด พ.ศ.2551 เพื่อตรวจความปลอดภัย แนะนำร้านอาหารแผงลอย ก่อนออกใบอนุญาต รวมถึงการควบคุมดูแลความปลอดภัยอาหารวางจำหน่ายในตลาดนัด.
ที่มาของข่าว : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ วันที่ 9 เมษายนก 2558