จับตา"กลุ่มติวเตอร์อีสาน"แอบสอบโดยไม่ได้ขออนุญาต
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
จับตา"กลุ่มติวเตอร์อีสาน"แอบสอบโดยไม่ได้ขออนุญาต
ยิ่งสอบยิ่งปูด สพฐ.พบกลุ่มที่เป็นชุดติวเตอร์สอบครูแอบเข้ามาสอบครูผู้ช่วยโดยไม่ได้มีการขออนุญาตผู้บังคับบัญชา ส่วนใหญ่อยู่ภาคอีสาน ขณะเดียวกัน สพร.กำลังตรวจสอบบัตร ปชช.ผู้เข้าสอบกว่า 9 หมื่นคน ชี้ต้องใช้เวลาเพราะมีจำนวนมาก ด้าน ผอ.ฉาวโผล่ให้ปากคำกรรมการสืบข้อเท็จจริง ขณะครูน้องชายดอดชี้แจง อ้างหาความรู้ติวลูกศิษย์
เมื่อวันที่ 23 เมษายน ตามที่ภาคเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันของชาติ (ภตช.) ต้องการให้นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ตรวจสอบกรณีมีข้าราชการครู คศ.1 ในจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งช่วยราชการอยู่ที่จังหวัดร้อยเอ็ดและเป็นติวเตอร์ชื่อดัง ได้ลงสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ครั้งที่ 1 ปี 2557 ใน 2 เขตพื้นที่การศึกษาคือ สนามสอบสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) บุรีรัมย์ เขต 32 และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) นครราชสีมา เขต 6 โดยลงสมัครพร้อมกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าทั้ง 2 คนได้ที่นั่งสอบติดกันทั้ง 2 สนามสอบ อย่างไรก็ตาม ในวันสอบทั้ง 2 คนได้เลือกไปสอบที่สนามสอบ สพป.นครราชสีมา เขต 6 ล่าสุด นายศักดา จันทร์ฝอย ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) นครราชสีมา เขต 6 กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับรายงานการทุจริตเกิดขึ้นในเขตพื้นที่ฯ ของตนเอง ซึ่งกรณีดังกล่าวก็สามารถทำได้ เพราะอาจจะเป็นการมาสมัครสอบเพื่อต้องการโอนย้าย ทั้งนี้ หากกรรมการคุมสอบพบพิรุธจริงก็จะดำเนินการไล่ออกจากห้องสอบทันที แต่กรณีนี้ยังไม่มีรายงานที่จะพบพิรุธในการสอบแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม การสอบครูผู้ช่วยในเขตพื้นที่ฯ ของตนได้มีการประกาศผลสอบไปแล้วตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 22 เมษายน
นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ขณะนี้สำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ (สพร.) กำลังตรวจสอบข้อมูลเลขบัตรประชาชน 13 หลักของผู้เข้าสอบครูผู้ช่วยในครั้งนี้ประมาณกว่า 9 หมื่นคน ใน 89 เขตพื้นที่การศึกษา และ 1 สำนักบริหารงานการศึกษา (สศศ.) ที่เปิดสอบครูผู้ช่วย ว่าจะมีใครที่เป็นข้าราชการครูและผู้บริหารสถานศึกษาไปมาสมัครสอบในคราวนี้บ้าง ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการตรวจ สอบเนื่องจากมีผู้มาสอบเป็นจำนวนมาก
ด้านนายสมเกียรติ บุญรอด ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า กรณีที่มีการออกมาเปิดเผยว่ามีติวเตอร์ที่เป็นครูกับภรรยาไปสอบครูผู้ช่วยที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) นครราชสีมา เขต 6 นั้น ในวันที่ 19 เมษายน ที่เป็นวันสอบวันแรก ตนได้ลงพื้นที่ไปตรวจที่ สพป.นครราชสีมา เขต 6 ก็พบว่าทั้ง 2 คนมาสมัครสอบจริง แต่ได้ขออนุญาตผู้บังคับบัญชามาสอบถูกต้องตามระเบียบ และสาเหตุที่มาสอบเนื่องจากทั้ง 2 คนต้องการมาสอบเพื่อย้ายมาอยู่ที่เขตพื้นที่การศึกษานี้ ทั้งนี้ เมื่อพบว่าทั้ง 2 คนที่เป็นสามีภรรยากัน แต่คนละนามสกุล มาสอบในห้องเดียวกัน ตนจึงได้ให้มีการแยกห้องสอบกันคนละห้อง ดังนั้นในกรณีนี้จึงไม่ได้มีความผิดปกติแต่อย่างไร แม้ว่าครูที่เป็นสามีจะเป็นติวเตอร์มาสอบก็ตาม
ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ.กล่าวต่อว่า ส่วนที่นายอภิชาติให้ สพร.ตรวจสอบรายชื่อผู้เข้าสอบที่เป็นครูและผู้อำนวยการโรงเรียนที่อาจจะเข้ามาสอบนั้นกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งหากเป็นครูที่ขออนุญาตมาสอบเพื่อย้ายก็ไม่ผิดปกติอะไร แต่ที่กำลังจับตาดูเป็นพิเศษคือกลุ่มที่เป็นชุดติวเปิดติวสอบครูแล้วแอบมาสอบโดยไม่ได้มีการขออนุญาต ทาง สพฐ.กำลังตรวจสอบข้อมูลอยู่ ซึ่งเท่าที่ทราบจะเป็นกลุ่มที่เปิดศูนย์ติวอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นส่วนใหญ่ และมีอยู่ไม่กี่กลุ่มเท่านั้น
นางภานิชา อินทร์ช้าง รอง ผอ.สพป.บุรีรัมย์ เขต 4 รักษาการ ผอ.สพป.บุรีรัมย์ เขต 4 กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงนายธนกฤต ศุภเลิศ ครูโรงเรียนบ้านหนองกระทุ่ม สังกัด สพป.บุรีรัมย์ เขต 4 ยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากมีการสืบพยานบุคคลและมีหลักฐานพบว่า มีกลุ่มผู้มาสมัครสอบครูผู้ช่วยครั้งนี้เป็นผู้ที่ไปสมัครติวกับนายธนกฤต ดังนั้นขอรวบรวมข้อมูลหลักฐานให้ชัดเจนก่อน คาดว่าจะสรุปได้ไม่เกิน 1-2 วันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา นายพิทักษ์ ศุภเลิศ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองไทร ต.ลุมปุ๊ก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) บุรีรัมย์ เขต 1 เข้าสอบแข่งขันบรรจุครูผู้ช่วยที่สนามสอบ จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ได้ติดต่อมายังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 1 และคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริง เพื่อมาให้ปากคำแล้ว แต่ไม่สามารถระบุว่าเวลาและสถานที่ในการเข้าให้ปากคำได้ เพราะต้องการหลบเลี่ยงการเป็นข่าว
นายสุพจน์ เจียมใจ ผอ.สพป.บุรีรัมย์ เขต 1 กล่าวว่า หลังจากคณะกรรมการฯ สอบปากคำนายพิทักษ์เสร็จแล้ว ก็จะสรุปผลการสืบหาข้อเท็จจริงนำเสนอให้ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 1 พิจารณาได้โดยเร็ว ว่ามีมูลการกระทำความผิดวินัยหรือไม่ ขณะที่นายชุมพล ศุภเลิศ ข้าราชการครูโรงเรียนบ้านเมืองแฝกพิทยาคม อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นครูอีกคนที่มีชื่อเข้าแข่งขันบรรจุครูผู้ช่วยที่ จ.นนทบุรี และเป็นน้องชายของนายพิทักษ์ ผอ.โรงเรียนบ้านหนองไทร ก็ได้เข้ารายงานกับคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ที่สำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษา เขต 32 บุรีรัมย์ ด้วยแล้ว พร้อมชี้แจงเหตุผลที่เข้าสอบเบื้องต้นด้วยว่า ต้องการความรู้เพิ่มเติมและแนวข้อสอบ เพื่อนำไปติวให้กับลูกศิษย์ที่ตนเองได้เปิดรับติวให้กับผู้ที่จะสอบบรรจุเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอื่นหรือทุจริตสอบแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ทางคณะกรรมการฯ ก็ต้องทำการสืบหาข้อมูลหลักฐานตามขั้นตอน.
ที่มาของข่าว : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ วันที่ 24 เมษายน 2557