"ผอ.ฉาว"อ่วมสรุปผิด3กระทง
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
"ผอ.ฉาว"อ่วมสรุปผิด3กระทง
สพป.บุรีรัมย์ เขต 1 สรุป ผอ.ฉาวมีความผิด 3 กระทง ขณะที่ สพฐ.ตั้งกรรมการสอบซ้ำฟันโทษวินัย คุรุสภาร่วมด้วย จี้สอบจรรยาบรรณครู
วันนี้ (24 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้ากรณีนายพิทักษ์ ศุภเลิศ ผอ.รร.บ้านหนองไทร ต.ลุมปุ๊ก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) บุรีรัมย์ เขต 1 ที่มีชื่อเข้าสอบแข่งขันบรรจุครูผู้ช่วยที่สนามสอบ จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา และถูกตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงนั้น ล่าสุดคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงสรุปผลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พบว่านายพิทักษ์มีมูลในการกระทำความผิดจริง คือ 1.ไปสมัครสอบบรรจุครูผู้ช่วยโดยไม่ได้ขออนุญาตจากผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด ซึ่งมีความผิดไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ 2.ปกปิดบังสถานะตัวเองในการสมัครสอบ โดยระบุว่าประกอบอาชีพส่วนตัว ทั้งที่ตัวเองเป็นข้าราชการครู มีตำแหน่งเป็น ผอ.รร. และ 3.เปิดเป็นติวเตอร์ซึ่งเป็นการขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ที่ห้ามข้าราชการครูและผู้บริหารสถานศึกษาเปิดติวข้อสอบ
ขณะที่การให้ปากคำของนายพิทักษ์ที่มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรด้วยนั้น เบื้องต้นนายพิทักษ์ยังให้การปฏิเสธ ไม่ได้มีเจตนา หรือเกี่ยวข้องกับการทุจริตสอบ เพียงต้องการหาความรู้และดูแนวข้อสอบมาประกอบการติวข้อสอบให้กับลูกศิษย์และลูกหลานเท่านั้น
นายสุพจน์ เจียมใจ ผอ.สพป.บุรีรัมย์ เขต 1 กล่าวว่า หลังจากคณะกรรมการฯ ได้สรุปผลการสืบหาข้อเท็จจริงนำเสนอมายังตน ก็ได้มอบหมายให้ฝ่ายนิติกร สพป.บุรีรัมย์ เขต 1 ตรวจสอบเอกสารที่ได้ทั้งหมดมาพิจารณา
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่พบข้อมูลหลักฐานที่เชื่อมโยงได้ว่านายพิทักษ์มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการทุจริตสอบบรรจุครูผู้ช่วยแต่อย่างใด ถึงแม้นายพิทักษ์จะยอมรับว่าได้เปิดติวข้อสอบให้กับลูกศิษย์จริง จำนวน 20 คน และในจำนวนนี้มีผู้ที่เข้าสอบในห้องเดียวกันที่สนามสอบ จ.สมุทรสาคร 2 คน ซึ่งก็จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องลึกอีกครั้ง
นอกจากนี้ ตนยังได้รับแจ้งจากนิติกร สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ให้ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 1 ชะลอการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยไว้ก่อน เนื่องจาก สพฐ.ได้ตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงขึ้นมาสอบภาพรวมทั้ง 3 เขต ที่ จ.สมุทรสาคร, นนทบุรี และ จ.บุรีรัมย์ จึงขอให้รอผลการสืบหาข้อเท็จจริงดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยก่อน เพราะทาง สพป.บุรีรัมย์ เขต 1 ต้องนำผลการสืบข้อเท็จจริงของ สพฐ.มาประกอบในการตั้งกรรมการสอบวินัยด้วยต่อไป
ขณะเดียวกัน ทางสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ซึ่งกำกับดูแลเกี่ยวกับความประพฤติและจรรยาบรรณต่อวิชาชีพครู ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเกี่ยวกับจรรยาบรรณและเกี่ยวกับวิชาชีพครูของนายพิทักษ์แล้วด้วย ส่วนจะมีบทลงโทษหนักเบาแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับผลการสอบสวนของคณะกรรมการฯ ซึ่งโทษเบาสุดแค่ว่ากล่าวตักเตือน หรือภาคทัณฑ์ หากพบว่ามีพฤติกรรมร้ายแรงหรือกระทำการทุจริต อาจมีโทษถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.
ที่มาของข่าว : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ วันที่ 25 เมษายน 2557