หารือสอบเพิ่ม" ศศิธารา"นัดแรก
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
วันนี้(29ม.ค.)นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงดร.ศศิธาราพิชัยชาญณรงค์ เลขาธิการสภาการศึกษาอดีตเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.)ในคดีเอกสารหายกรณีการจัดซื้อคุรุภัณฑ์อาชีวศึกษาตามงบประมาณไทยเข็มแข็ง 2มูลค่ากว่า200ล้านบาทว่า ตามที่ที่ประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือนสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา(อ.ก.พ.สกศ.)ทำหน้าที่แทนอ.ก.พ.กระทรวงที่มี นายจาตุรนต์ฉายแสงรมว.ศึกษาธิการเป็นประธาน มอบให้กรรมการสอบสวนฯไปหาข้อมูลเพิ่มเติมและสรุปผลรายงานอกพ.กระทรวงภายใน15วันนั้นตนได้เรียกประชุมคณะกรรมการสอบสวนฯเพื่อเตรียมหาข้อมูลเพิ่มวน2ประเด็นที่อกพ.กระทรวงต้องการ
นายอภิชาติ กล่าวต่อไปว่า ประเด็นแรก อ.ก.พ.ฯต้องการให้กรรมการสอบสวนฯประสานไปยังกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เพื่อขอข้อมูลว่า โดยทั่วไปการเบิกจ่ายเงินราชการจากกรณีการจัดซื้อจัดจ้างนั้นจะต้องใช้เอกสารขั้นต่ำอะไรบ้าง และมีขั้นตอนในการตรวจสอบเอกสารอย่างไร เพราะที่ผ่านามากรรมการสอบสวนฯยึดตามระเบียบว่าจะต้องมีเอกสารอย่างน้อย 5 รายการจึงจะเบิกจ่ายได้ ซึ่งผลการสอบสวนพบว่า เอกสารทั้ง 5 ชิ้นที่ได้จากสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) นั้นเป็นสำเนาทั้งหมด ไม่มีเอกสารตัวจริง ซึ่งความจริงแล้ว สอศ.จะต้องมีการตั้งกรรมการมาสอบสวนกรณีเอกสารหายก่อน พร้อมกับพิสูจน์ว่าเอกสารที่ทำสำเนามาเป็นเอกสารที่ถูกต้องไม่มีการตกแต่งเอกสารให้ผิดไปจากเอกสารตัวจริง จึงจะสามารถเบิกจ่ายเงินได้ แต่ทาง สอศ.ยังไม่มีการดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าวเลย อย่างไรก็ตามเมื่อมีความเห็นแตกต่างในเรื่องนี้ อ.ก.พ.ฯจึงต้องการให้กรรมการสอบสวนฯสอบถามไปยังคนกลางคือ กระทรวการคลัง ให้ช่วยยืนยันมาว่าเอกสารและขั้นตอนการเบิกจ่ายเงินมีอะไรบ้างตามระเบียบ ซึ่งในวันนี้ (29 ม.ค.) ได้ทำหนังสือไปยังปลัดกระทรวงการคลัง และอธิบดีกรมบัญชีกลางแล้ว แต่ไม่สามารถตอบได้ว่ากรมบัญชีกลางจะให้คำตอบกลับมาภายในกำหนดเวลาสอบสวน 15 วันหรือไม่ หากไม่ทันก็ต้องขอขยายเวลาส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมให้แก่ อ.ก.พ.ฯ
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวอีกว่า ส่วนอีกประเด็นที่ อ.ก.พ.ฯให้ไปหาข้อมูลเพิ่มเติมนั้นต้องการให้กรรมการสอบสวนฯทำการสอบสวนไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญว่ารายละเอียดการจัดซื้อจัดจ้างที่ปรากฎบนทีโออาร์ที่ประกาศ กับ รายละเอียดบนทีโอาร์แนบท้ายสัญญา ซึ่งใช้ในการตรวจรับนั้นมีความแตกต่างหรือไม่เป็นมูลค่าเท่าใด ขณะนี้กรรมการสอบสวนก็ยังตอบไม่ได้ว่า มีความแตกต่างจำนวนเท่าไร แต่จะให้ทางมหาวิทยาลัยที่เป็นคนกลางและเคยจัดซื้ออุปกรณ์ในลักษณะดังกล่าวมาช่วยชี้ให้ความแตกต่างระหว่างทีโออาร์สองฉบับนั้นจะสะท้อนได้ว่า เกิดความเสียหายกับราชการเป็นมูลค่าเท่าไร
"หลังจากได้ข้อมูลครบถ้วนทั้งสองประเด็นแล้วก็จะรายงานให้ อ.ก.พ.ฯรับทราบ ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ อ.ก.พ.ฯ จะต้องนำข้อมูลดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับผลการสอบสวนที่กรรมการสอบสวนฯส่งให้ก่อนหน้านี้ และตัดสินโทษ ดร.ศศิธารา แต่ในส่วนของกรรมการสอบสวนฯนั้นถือว่าหมดหน้าที่แล้วตั้งแต่ส่งผลการสอบให้กับ อ.ก.พ.ฯ และจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงผลการสอบสวนอีก" นายอภิชาติ กล่าว.
ที่มาของข่าว : เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 29 มกราคม 2557