"สมพงษ์ จิตระดับ จี้ "อ๋อย" เจ้ากระทรวงครูแบบอย่างต้านโกง
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
จี้"อ๋อย"เจ้ากระทรวงครูแบบอย่างต้านโกง
"สมพงษ์ จิตระดับ" จี้ "อ๋อย" ในฐานะเจ้ากระทรวงครู ควรเป็นแบบอย่างต่อต้านการโกง ไม่เห็นด้วยกฎหมายนิรโทษกรรม และควรฟังเสียงเรียกร้องบริสุทธิ์นิสิตนักศึกษา เพราะเคยเป็นนักศึกษาเรียกร้องสิทธิทางการเมืองมาก่อน น่าจะเข้าใจ
วันที่ 7 พฤศจิกายน ที่คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาควิชานโยบาย การจัดการและความเป็นผู้นำทางการศึกษา จัดบรรยายและเสวนาเรื่อง “หยุด!! การโกง...ด้วยครู” โดย รศ.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า คณะครุศาสตร์ถือเป็นครูของแผ่นดิน ฉะนั้นต้องกล้าชี้นำสังคม กล้าแสดงออก กล้าเปิดเผย กล้าวิพากษ์วิจารณ์ หากจะทำอะไรต้องยึดหลักความถูกต้อง เป็นกลาง คิดอย่างรอบคอบ ส่วนข้อมูลที่จะให้กับใครต้องกลั่นกรองให้ดี และให้ผู้รับไปตัดสินใจและคิดเองว่าเป็นอย่างไร ขณะที่กลุ่มนิสิตนักศึกษา คณาจารย์ทั่วประเทศจะต้องออกมาเคลื่อนไหวแสดงพลัง อย่างกรณีร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เกี่ยวข้องกับหลักการ คุณธรรม จริยธรรม โดยเฉพาะผิดเรื่องหลักการและขัดต่อกฎหมาย ซึ่งหากปล่อยไปก็จะเป็นการปลูกฝังอุดมการณ์ที่ผิดที่ให้คนโกงไม่ผิด ฉะนั้นถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว ครูจะไปสอนให้นิสิตโตไปไม่ให้โกงได้อย่างไร จึงเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อวิชาชีพครู
รศ.สมพงษ์ยังกล่าวถึงนายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ ว่าเคยเป็นผู้นำนักศึกษาในการเคลื่อนไหวทางการเมืองในอดีต น่าจะเข้าใจอย่างดีว่าพลังนิสิตนักศึกษาบริสุทธิ์ จะต้องรับฟังและนำไปสะท้อนให้รัฐมนตรีทุกคนอย่าทำอะไรขัดหลักการ ขัดหลักนิติธรรม หรือใช้อำนาจเกินขอบเขต
"อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา อ.สุชาติ ตันธนะเดชา อดีตอาจารย์คณะครุศาสตร์ บอกว่า ได้ยินชาวบ้านกล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่าไม่ได้เป็นกฎหมาย แต่เป็นกฎหมา ซึ่งมีความผิดเพี้ยนและแย่มาก สะท้อนว่าปัจจุบันต้นทุนสังคมเรื่องคุณธรรมจริยธรรมรัฐสภาไทยตกต่ำ ขาดการยอมรับ และจากนี้จะออกกฎหมายอะไรคงไม่มีใครเชื่อถือแล้ว” รศ.สมพงษ์กล่าว
สำหรับนายจาตุรนต์เคยศึกษาที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้รับการเลือกตั้งเป็นนายกสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขณะที่ยังเรียนชั้นปีที่ 4 ได้เกิดเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ.2519 มีการกวาดล้างผู้นำนักศึกษา ทำให้นายจาตุรนต์ต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในป่าระยะหนึ่ง โดยมีชื่อจัดตั้งว่า “สหายสุภาพ” ต่อมาสถานการณ์คลี่คลายจึงกลับเข้าเมือง.
ที่มาของข่าว : เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ วันที่ 8 พ.ย. 2556