บ.สุพรีมขู่ฟ้องแน่! หากยกเลิกประมูลแท็บเล็ตโซน 3 เหตุทำให้เสียชื่อ
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
บ.สุพรีมขู่! หากยกเลิกประมูลแท็บเล็ตโซน 3 เหตุทำให้เสียชื่อ
บ.สุพรีม จ่อฟ้อง! หากมีการยกเลิกประมูลอี-ออกชันแท็บเล็ตโซน 3 จริง ชี้ส่งผลเสียต่อชื่อเสียง ธุรกิจ และต้องถูกขึ้นแบล็กลิสต์ ยันทำถูกขั้นตอนทุกอย่างราคาที่ชนะไม่แพงเกินจริง พร้อมตั้งข้อสังเกตหากยกเลิกประมูล แต่ผลประมูลใหม่ยังราคาต่ำกว่าโซนที่ 4 แต่สูงกว่า บ.สุพรีม จะทำอย่างไร รวมทั้งต้องการยกเลิกเพื่อเปิดทางให้บริษัทใดที่พร้อมจะขาดทุนหรือไม่
วันนี้ (29 ส.ค.) นายภานุวัฒน์ ขันธโมลีกุม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการบริหารนโยบาย 1 คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ต่อ 1 นักเรียน มีมติยืนยันให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ยกเลิกการประมูลการจัดซื้อแท็บเล็ตในโซนที่ 3 ภาค (กลางและภาคใต้) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และครู กับ บริษัท สุพรีม โดยอาศัยความข้อ 6.5 ของประกาศคุณสมบัติการจัดซื้อจัดจ้างที่ระบุว่าหน่วยงานสามารถยกเลิกการประมูลได้เพื่อประโยชน์ของราชการ และให้เหตุผลว่าการประมูลในโซน 3 ก็เข้าข่ายนี้ เพราะได้ราคาที่แพงกว่าโซนอื่นๆ อย่างชัดเจน โดยเฉพาะโซนที่ 4 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก) ของนักเรียนชั้น ม.1 และครู ขณะเดียวกัน ยังมีข้อทักท้วงจาก สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ว่า ที่ผ่านมาอาจจะมีความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันและเป็นการสมยอมกันราคาด้วย
ที่ผ่านมา สพฐ.ได้ส่งหนังสือมาถึงบริษัท เพื่อขอให้ชี้แจงใน 3 ประเด็น คือ 1.เหตุใดราคาแท็บเล็ตในโซน 3 ถึงราคาสูงกว่าโซนที่ 4 อย่างมีนัยยะสำคัญ 2.เหตุใดการจัดซื้อจัดจ้างคอมพิวเตอร์พกพกด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อี-ออกชัน เพื่อแข่งขันกับอีกบริษัทหนึ่งจึงมีการเคาะราคาเพียง 2 ครั้ง และ 3.บ.สุพรีม กับผู้ร่วมประมูลอี-ออกชัน อีกบริษัทหนึ่งมี และหรือเคยมีความสำพันธ์กันหรือไม่ ซึ่งตนได้ทำหนังสือชี้แจงรายละเอียดทั้ง 3 ประเด็น ส่งให้ สพฐ.พร้อมทั้งส่งหนังสือขอความเป็นธรรมไปยังคณะกรรมการบริหาร ผ่าน นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานกรรมการบริหารแล้ว เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา
นายภานุวัฒน์ กล่าวต่อว่า ตนยืนยันว่าการดำเนินการประมูลจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปตามกระบวนการ โดยสาเหตุที่ราคาประมูลโซนที่ 3 แพงกว่าโซน 4 เพราะการประมูลแท็บเล็ตในโซนที่ 1 (ภาคกลางและภาคใต้) ของนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 1 โซน 2 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก) ของนักเรียนชั้น ป.1 และโซนที่ 3 จัดขึ้นพร้อมกันในวันที่ 28 มิถุนายน 2556 ยกเว้นในโซนที่ 4 ที่มีการประมูลภายหลังคนละช่วงเวลา ซึ่งเมื่อมีผลเคาะราคาทั้ง 3 โซนออกมาก็ส่งผลทำให้บริษัทที่ประมูลในโซนที่ 4 จึงรู้ราคาของการประมูลและสามารถที่จะเคาะราคาได้ต่ำกว่าโซนอื่น อย่างไรก็ตาม บ.สุพรีม นั้น เข้าร่วมประมูลอี-ออกชันทั้ง 3 โซน แต่เราชนะในโซนที่ 3 และแม้ราคาที่ชนะจะสูงกว่าโซนที่ 1 และ 2 แต่ก็เป็นเพราะต้นทุนต่างๆ ตั้งแต่การผลิตจนถึงขั้นการจัดส่งสูงกว่าโซน 1, 2 แต่ที่สำคัญคือราคาชนะถือว่าต่ำกว่าราคากลางที่ สพฐ.กำหนดไว้ด้วย ทั้งนี้ การที่บริษัทที่ประมูลได้ในโซนที่ 4 เสนอราคาแท็บเล็ตต่ำราคาเริ่มต้นย่อมมีความผิดปกติอย่างยิ่งในด้านต้นทุนทางธุรกิจ ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อคุณภาพของแท็บเล็ต รวมถึงประสิทธิภาพการบริหารจัดการและบริการหลังการส่งมอบอย่างแน่นอน จึงยืนยันว่าราคาที่บริษัทสุพรีมเสนอไปไม่แพง
“แม้บอร์ดบริหารแท็บเล็ต จะมีมติให้ สพฐ.ยกเลิกการประมูลในโซนที่ 3 แต่ สพฐ.จะสามารถยกเลิกได้ ก็เมื่อมีหลักฐานชัดเจน โดยผมมองว่าการตั้งข้อสังเกตของ สตง.ที่ว่าอาจจะราคาแพงเกินจริง อาจจะมีความไม่เป็นธรรมในการแข่งขัน และเป็นการสมยอมกันราคานั้น ก็เป็นเพียงการคาดเดาเพราะใช้คำว่า “อาจจะ” ซึ่งไม่มีหลักฐาน และหากไม่มีหลักฐาน สพฐ.ก็ไม่สามารถยกเลิกการประมูลได้ ซึ่งผมยืนยันว่าราคาที่ชนะประมูลไม่แพงเกินจริง และไม่ใช่การสมยอมราคาแน่นอน เพราะฉะนั้น ถ้า สพฐ.ยืนยันยกเลิกการประมูลกับบริษัท จริงทางเราก็คงต้องดำเนินการฟ้องผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยการฟ้องครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อต้องการให้ชนะประมูล แต่เป็นการรักษาชื่อเสียงของบริษัท เพราะหากถูกยกเลิกจริง ก็จะมีผลต่อธุรกิจบริษัทจะถูกขึ้นแบล็กลิสต์ข้อหาฮั้วประมูลแถมยังถูกดำเนินคดีด้วย และผมยืนยันว่าไม่เคยมีความสัมพันธ์ใดๆ กับบริษัทคู่แข่งแน่นอน และดำเนินการอี-ออกชันไปตามกระบวนการทุกอย่าง ” นายภานุวัฒน์ กล่าว
นายภาณุวัฒน์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนตั้งสังเกตในการจะยกเลิกประมูลโซน 3 ไว้ 2 ประการ คือ หากยกเลิกการประมูลในโซนที่ 3 ครั้งนี้ และจัดให้มีการประมูลใหม่ ถ้าราคาที่ประมูลได้ยังสูงกว่าในโซนที่ 4 แต่ต่ำกว่าราคาที่บริษัท สุพรีม ประมูลได้ จะดำเนินการอย่างไร และเป้าหมายของการยกเลิกการประมูลครั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทใดบริษัทหนึ่งที่พร้อมจะขาดทุนประมูลได้หรือไม่
อนึ่ง บ.สุพรีม ที่ชนะประมูลโซน 3 ได้ชนะด้วยการให้ราคาต่ำสุดที่ 1,240,900,000 บาท จากราคาเริ่มต้น 1,245,914,360 บาท เฉลี่ย 2,908.24 บาทต่อเครื่อง ประหยัดได้ 0.40% หรือ 5,014,360 บาท