คอลัมน์ : ตีเกราะเคาะไม้ : อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
คอลัมน์ : ตีเกราะเคาะไม้ : อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 26 ส.ค. 2556 (กรอบบ่าย)
หากจะหยิบประเด็นปัญหาเรื้อรังของเด็กไทยมาแก้ไขเร่งด่วนเวลานี้มีนับไม่ถ้วน แต่ต้องมีการเรียงลำดับความสำคัญของปัญหาก่อน ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการชูเรื่องการแก้ปัญหาเด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ในวิชาภาษาไทยของนักเรียน ป.1-ป.3 ทั้งประเทศ และเร่งโครงการอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ต้องไม่มี ตั้งเป้าภายในปี 2556 ภาคเรียนที่ 2 เด็กต้องอ่านออกเขียนได้ครบร้อยเปอร์เซ็นต์ เรามาฟังความคิดเห็นของคนอุดมศึกษากันดูว่าคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้กันบ้าง
เริ่มกันที่ นพพล ทองขาว หรือ บ๊อบ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ บอกว่า ขณะนี้ต้องยอมรับว่าเด็กไทยอ่อนทั้งการอ่านและการเขียนภาษาไทยลงเรื่อย ๆ อีกทั้งการเขียนลายมือไม่สวยและอ่านไม่ค่อยออก ส่วนหนึ่งมาจากระบบการสอนในปัจจุบันที่เปลี่ยนไป ไม่ให้ครูเข้ามามีบทบาทและลงโทษเด็กได้ หากเด็กถูกลงโทษจะฟ้องร้องหน่วยงานต่าง ๆ ทำให้ครูไม่กล้าที่จะไปจี้เด็ก เช่นเดิมถ้าเด็กเขียนคำผิด ต้องให้คัดคำนั้นซ้ำ ๆ หรืออ่านผิดต้องปล่อยให้ท่องจำจนขึ้นใจ นอกจากนี้บ๊อบว่าส่วนหนึ่งมาจากการนำแท็บเล็ตเข้ามาใช้กับเด็กเล็กมากขึ้น ซึ่งทำให้เด็กฝึกใช้นิ้วกดอย่างเดียว โดยไม่ได้คัดลายมือ ไม่อ่านท่องจำ สุดท้ายเด็กจะอ่านไม่ออก และเขียนไม่ได้ รวมทั้งสื่อก็มีส่วนที่ให้ความสำคัญกับคนเรียนหมอมากเกินไป ทั้งที่ควรจะเน้น สร้างแรงจูงใจให้คนเก่งดี มาเรียนครูมากขึ้น เพื่อจะได้ครูมีคุณภาพไปสอนเด็ก อย่างไรก็ตามการจะทำให้เด็กอ่านออกเขียนได้พื้นฐานต้องมาจากครอบครัวที่ต้องปลูกฝังตั้งแต่เด็ก จากนั้นเป็นหน้าที่ครูช่วยอบรม และตัวเด็กต้องค้นคว้าและฝึกด้วย
พราว หรือ ณัฐวรรณ หรั่งแก้ว นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะการจัดการเทคโนโลยี พลังงานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยชินวัตร บอกว่า เรื่องการอ่านภาษาไทยไม่ออกเขียนไม่ได้ของเด็กนั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่เวลานี้ เนื่องจากเด็กในโรงเรียนที่พราวเคยพบส่วนใหญ่จะอ่านภาษาไทยออกและเขียนได้ แต่เรื่องนี้จะเป็นปัญหาใหญ่ในเร็ว ๆ นี้ เพราะมีการนำแท็บเล็ตมาใช้กับนักเรียนมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้แท็บเล็ตในเด็กเล็ก ซึ่งเด็กจะมัวแต่ใช้นิ้วสัมผัสอย่างเดียว จนเด็กไม่มีพื้นฐานการอ่านและเขียนภาษาไทยที่ดีและถูกต้อง ทั้งที่ จริง ๆ แล้วช่วงเด็กอนุบาลขึ้นมาจำเป็นจะต้องมีการปูพื้นฐานการอ่านและเขียนภาษาไทยให้ดีที่สุด เพื่อที่ว่าจะได้ไปต่อยอดภาษาอื่น ๆ ได้ดีก่อนจะไปเรียนรู้ภาษาอื่น ๆ แต่ก็ไม่ค้านที่กระทรวงศึกษาธิการจะเร่งทำโครงการอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ต้องไม่มี แต่อยากจะฝากเน้นภาษาไทยแล้วต้องเน้นภาษาอังกฤษด้วย เพราะจำเป็นไม่แพ้กัน
อาจารย์อนุชา พิมศักดิ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาภาษาไทย คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ บอกว่า ปัญหาใหญ่ของสังคมยังเป็นเรื่องเด็กไทยอ่านภาษาไทยไม่ออกและเขียนไม่ได้ และเป็นตั้งแต่อนุบาลจนถึงระดับมหาวิทยาลัย อีกทั้งไม่เฉพาะการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ยังรวมไปถึงเด็กไม่มีทักษะการคิดวิเคราะห์ด้วย ซึ่งปัญหาดังกล่าวเกิดจากปัจจัย และตัวแปรหลายด้าน เริ่มจากครูยังไม่มีกระบวนการคิดจัดระบบการเรียนการสอนที่ถูก และยังคาดหวังครูภาษาไทยจะต้องสอนให้เด็กอ่านออกและเขียนภาษาไทยเท่านั้น ทั้งที่ครูทุกวิชาจะต้องช่วยกันสอนและบูรณาการเรื่องการใช้ภาษาไทยเข้ากับกิจกรรมต่าง ๆ ส่วนครอบครัวไม่ค่อยสนับสนุนให้เด็กเข้าใจการอ่านและเขียนภาษาไทยที่ถูกต้อง หรือรัฐบาลจะเน้นสร้างห้องสมุดและลงทุนจำนวนมาก เพื่อให้เด็กอ่านออกและเขียนได้ ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ส่วนที่กระทรวงศึกษาธิการตั้งเป้าปีการศึกษา 2556 ภาคเรียนที่ 2 เด็ก ป.1- ป.3 จะต้องอ่านภาษาไทยออกและเขียนได้ร้อยเปอร์ เซ็นต์ นั้น อาจารย์เห็นว่าการวางแผนสำเร็จแน่ แต่การปฏิบัติอาจทำไม่ได้ อย่างโครงการรณรงค์รักการอ่าน ที่ทำกันมา 10 กว่าปีแล้ว ยังไม่เห็นผลเท่าที่ควร ดังนั้นถ้าจะมีการแก้ปัญหาเด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ต้องปรับทั้งระบบ เน้นเปลี่ยนพฤติกรรม และจัดกิจกรรมฝึกทักษะการอ่านและเขียนภาษาไทยดีที่สุด.