สพฐ.ซื้อรถตู้รับส่งนักเรียน 300 คัน
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
สพฐ.ซื้อรถตู้รับส่งนักเรียน 300 คัน
ขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
สพฐ.เล็งซื้อรถตู้รับส่งนักเรียน 300 คัน ย้ำการใช้รถรับส่งไม่ใช่วิธีเดียวในการแก้ไขปัญหาโรงเรียนขนาดเล็ก เผยจะจัดสรรให้โรงเรียนดีศรีตำบล 300 แห่ง
วานนี้(30 ก.ค.) ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยความคืบหน้าการพิจารณางบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2557 ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า คณะอนุกรรมาธิการด้านการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร ได้เสนอผลการพิจารณาต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2557 ซึ่งได้มีการปรับลดงบฯ สพฐ.ลงจำนวน 1,221 ล้านบาท โดยรวมไปถึงงบฯจัดซื้อรถตู้รับส่งนักเรียนเพื่อแก้ไขปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กของ สพฐ. ที่ถูกปรับลดจาก 1,000 คันเหลือ 300 คัน ในราคาคันละประมาณ 1.2 ล้านบาท เป็นเงิน 400 ล้านบาท โดยจะเป็นงบผูกพันปี 57-58
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่ากรรมาธิการฯได้สอบถามว่าทำไมตั้งไว้เพียง 300 คัน ซึ่งสพฐ.ได้ชี้แจงว่าการจัดซื้อรถตู้ไม่ใช่วิธีเดียวในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาคุณภาพโรงเรียนขนาดเล็ก แต่เป็นเพียงวิธีหนึ่ง ซึ่งจุดประสงค์ในการจัดซื้อเพื่อรับส่งนักเรียนแต่ไม่ได้มุ่งไปสู่การยุบรวม หรือยุบเลิกโรงเรียนขนาดเล็ก นอกจากนี้ สพฐ.ยังได้ปรับกลุ่มเป้าหมายโดยไม่ได้จัดสรรรถตู้ให้แก่โรงเรียนขนาดเล็กที เป็นศูนย์กลางเพื่อที่จะยุบรวมโรงเรียนขนาดเล็กอื่นๆในพื้นที่ใกล้เคียง แต่ได้จัดสรรให้แก่โรงเรียนดีศรีตำบล จำนวน 300 แห่ง จากทั้งหมดที่มีกว่า 6,000 แห่ง เพื่อเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้แก่โรงเรียนดีศรีตำบล ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการสร้างความเข้มแข็งทางวิชาการให้แก่โรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง และจะมีการจัดกิจกรรมให้นักเรียนพื้นที่ใกล้เคียงต้องมาเรียนหรือทำกิจกรรม พัฒนาการเรียนการสอนร่วมกัน ส่วนเรื่องของค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าคนขับรถตู้รับส่งนักเรียนนั้น เรื่องนี้ทางโรงเรียนดีศรีตำบลมีแนวทางในการบริหารจัดการอยู่แล้ว โดยที่ผ่านมาเคยมีการทำบันทึกข้อตกลงระหว่างโรงเรียนกับทางองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ดังนั้นเรื่องของน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าจ้างคนขับรถ เป็นเรื่องที่ทางโรงเรียนจะต้องไปทำความตกลงกับ อบต. ทั้งนี้จะมีการติดตามประเมินผลต่อไปว่าการแก้ปัญหาดังกล่าวได้ผลตามวัตถุประสงค์หรือไม่