KRUWANDEE

ครม.มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สวทช.
 

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาลถึงการแต่งตั้งโยกย้ายวันนี้ว่า ครม.มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือสวทช. โดยผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์, นายอำพน กิตติอำพน, นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ, นายวรวิทย์ จำปีรัตน์, นายอัชพร จารุจินดา, นพ.วิษณุ ธรรมลิขิตกุล, นพ.สุทธิพันธ์ จิตพิมลมาศ, นายศักรินทร์ ภูมิรัตน์ นพ.นิพนธ์ โพธิพัฒนชัย, รศ.ดร.วุฒิชัย กปิลกาญจน์ และนายขวัญชัย ส่วนผู้ทรงคุณวุฒิที่ไม่ใช่ข้าราชการ ประกอบด้วยนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล, นายอิสระ ว่องกุศลกิจ, นายชาติศิริ โสภณพนิช, นายเทวินทร์ วงศ์วานิช, นายสุเมธ ตันติเวชกุล, นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา, นายกานต์ ตระกูลฮุน, นายวีระชัย เชาว์ชาญกิจ, นายชนิตร ชาญชัยณรงค์, นายทรงศักดิ์ เปรมสุข และรศ.ดร.ภก.นิจสิริ เรืองรังสี

 

ครม.อนุมัติหลักการ กู้เงินในประเทศ รถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ มอบ “คลัง” พิจารณา

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อ วันที่ 25 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมครม. มีมติอนุมัติหลักการในการใช้แหล่งเงินทุนกู้เงินในประเทศสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ระยะที่ 3 แทนการกู้เงินจากรัฐบาลญี่ปุ่นผ่านองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาจัดหาแหล่งเงินที่เหมาะสมตามความจำเป็น และให้นำเสนอสภาฯเพื่อรับทราบการเปลี่ยนแปลงต่อไป นอกจากนี้ ครม. ยังรับทราบและอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ คือ การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะปี 2556 ครั้งที่ 2 ที่มีวงเงินปรับลดลง 1.2 หมื่นล้านบาท หรือจากเดิม 1,948,211 ล้านบาท เหลือ 1,935,980 ล้านบาท และรับทราบการปรับปรุงแผนบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติจากครม.ภายใต้กรอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 1.5 หมื่นล้านบาท

 

ครม.เห็นชอบยกเว้นภาษีอัญมณี

ร.ท. หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบร่างประกาศกฎกระทรวงการคลังให้ยกเว้นอากรนำเข้าอัญมณี เพื่อจัดแสดงและขายภายในประเทศไทย สำหรับจัดงานขึ้นในเดือนกันยายน 2556 โดยจำกัดเพียงการจัดแสดงสินค้าดังกล่าวเท่านั้น แต่จะมีการประเมินว่าการยกเว้นอากรครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นธุรกิจอัญมณีได้มากน้อยเพียงใด เพื่อนำไปประเมินการปรับโครงสร้างภาษีอัญมณีต่อไป

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบขยายมาตรการยกเว้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลออกไปอีก 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1-31 กรกฎาคม 2556 จากเดิมกำหนดสิ้นสุดในสิ้นเดือนมิถุนายน 2556 เพื่อเป็นการบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยการใช้มาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่ผ่านมา ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ภาษี 9,000 ล้านบาทต่อเดือน
 

ขอบคุณภาพประกอบจาก เว็บไซต์สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

 

ครม.มีมติไฟเขียวขยายเวลาลดภาษีสรรพสามิตดีเซลอีก 1 เดือน สิ้นสุด 31 ก.ค.นี้

วันนี้ (25 มิ.ย. 56) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเหลือ 0.005 บาท/ลิตร ออกไปอีก 1 เดือน จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ เป็นสิ้นสุด 31 ก.ค.56

 

ครม.เห็นชอบกฏหมาย ตรวจสอบ – แสดงตนของลูกค้า ต่อต้านหนุนเงินก่อการร้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการตรวจสอบเพื่อรับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ ลูกค้าและร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องวิธีการแสดงตนของลูกค้าสถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 รวม 2 ฉบับตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยแก้ไขเพิ่มเติมตามข้อเสนอแนะของคณะผู้ประเมินคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อ ดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน หรือ FATF ที่เข้ามาประเมินในไทยเมื่อวันที่ 7-8 พฤษภาคม 2556 เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล หลัง FATF ออกประกาศสาธารณะกำหนดรายชื่อให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีข้อบกพร่องเชิง ยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและต่อต้านการสนับสนุนทางการเงิน แก่การก่อการร้าย และเรื่องนี้ พ.ต.ท.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาปปง. และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงยุติธรรม ได้รายงานว่าไทยมีความพร้อมทั้งในด้านกลไก และเข้าใจระเบียบ รวมถึงการเริ่มดำเนินการตามกฎหมายใหม่แล้ว และรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับพันธะกิจระดับสูงเรื่องนี้

 

“ยิ่งลักษณ์” หอบครม.ลงพื้นที่ทำยุทธศาสตร์จว.

เมื่อเวลา 13.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ก่อนการประชุมครม.นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เตรียมการจัดทำยุทธศาสตร์จังหวัดโดยนำขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศมาเป็นกรอบการพิจารณาซึ่ง จะนำยุทธศาสตร์จังหวัดและยุทธศาสตร์ประเทศมาบูรณาการกัน นายกฯจะลงพื้นจังหวัดยโสธร มุกดาหาร ในวันที่ 30 มิ.ย.และ1ก.ค.โดยมีกระทรวงที่เกี่ยวข้องติดตามลงพื้นที่ทั้งรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ มหาดไทย อุตสาหกรรม คมนาคม นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรมว.คลัง และนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รวมทั้งปลัดกระทรวง หัวหน้าหน่วยราชการ จะมีการทำเวิร์กช็อปเป็น 2 ห้อง นอกจากนี้เลขาธิการครม.แจ้งการประชุมครม.ในเดือนหน้าโดยจะยกเว้นวันที่ 16 ก.ค.กับ 23 ก.ค.เพราะไปรวมยอดการประชุมครม.สัญจรอยุธยา 18ก.ค.-19 ก.ค. นอกนั้นประชุมปกติ

 

รัฐบาลเอาคินฝ่ายค้าน ตั้ง “ปลอด-วราเทพ” เป็นคณะทำงานขุดความล้มเหลวโครงการไทยเข้มแข็ง

เมื่อเวลา 13.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัตร เบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ครม.รับทราบการขอขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการไทยเข้มแข็ง หลังจากปีงบประมาณ 2555 และได้รับทราบการขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายงบประมาณโครงการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง พร้อมอนุมัติการใช้เงินเหลือจ่ายในวงเงิน 979 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองที่ได้จัดตั้งขึ้นมาใหม่ สำหรับโครงการไทยเข้มแข็งได้อนุมัติเพิ่มวงเงินงบประมาณ อาทิ การสร้างอาคารผู้ป่วย 60 เตียงของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราชจากวงเงิน 15 ล้านบาท เป็น 17ล้านบาท โครงการศูนย์ครูใต้ที่จังหวัดยะลา จากวงเงินเดิม 142 ล้านบาท มาเป็น 149 ล้านบาท คืนเงินค่าปรับให้กับผู้ประกอบการก่อสร้างวงเงิน 609 ล้านบาท สำหรับโครงการก่อสร้างที่จังหวัดสิงห์บุรี ตราด และอนุมัติให้ใช้เงินสำรองจ่ายสำหรับสัญญาที่มีปริมาณงานเพิ่มขึ้นวงเงิน 6503ล้านบาท สำหรับกรมชลประทาน เป็นต้น
 

ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าวต่อว่า ที่ประชุมครม.มีการตั้งคำถามว่าเพราะเหตุใดการบริหารจัดการยุคไทยเข้มแข็งของรัฐบาลประชาธิปัตย์จึงเต็มไปด้วยปัญหาการดำเนินการ มีการมาขอเพิ่มวงเงินงบประมาณในภายหลัง ทำให้สูญเสียงบฯเพิ่มขึ้น เช่น โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติที่จังหวัดภูเก็ต ไม่ผ่านอีไอเอ ต้องยุติโครงการทำให้เสียหาย จึงเห็นควรว่าจะต้องประเมินผลโครงการในอดีตที่ผ่านมา ครม.จึงมีมติเพิ่มเติมให้นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกฯ เป็นประธานคณะทำงานเพื่อประเมินผลการดำเนินการของโครงการไทยเข็มแข็ง มีนายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกฯ เจ้าหน้าที่จากสำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลาง ร่วมเป็นคณะทำงาน พิจารณาโครงการไทยเข้มแข็งก่อให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมหรือมีทรัพย์สินถาวรแก่ประเทศชาติเหมือนับการลงทุน 2ล้านล้านของรัฐบาลนี้หรือไม่

 

ครม.เห็นชอบ แผนลงทุนหลัก ประปา 56-59

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบ แผนการลงทุนหลัก โครงการเพื่อการพัฒนาปี 2556 – 2559 ของการประปาส่วนภูมิภาค ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยโครงการเพื่อการพัฒนาปี 2556 – 2559 ของ กปภ. เป็นโครงการใหม่ จำนวน 92 โครงการ วงเงินลงทุนรวม 42,402.904 ล้านบาท และอนุมัติให้ กปภ. ดำเนินโครงการเพื่อการพัฒนาปี 2556 ในส่วนของโครงการใหม่ จำนวน 7 โครงการ วงเงินลงทุนรวม 3,315.019 ล้านบาท (ไม่รวมVAT) ประกอบด้วย
 

2.1 โครงการที่ขอรับเงินงบประมาณประจำปีจากภาครัฐร้อยละ 75 และเงินรายได้สมทบ ร้อยละ 25 จำนวน 4 โครงการ วงเงินลงทุนรวม 2,086.053 ล้านบาท ได้แก่ กปภ. สาขาสีคิ้ว วงเงินลงทุน 587.411 ล้านบาท สาขาระยอง วงเงินลงทุน 712.180 ล้านบาท สาขาลำปาง วงเงินลงทุน 622.187 ล้านบาทและสาขาศรีราชา วงเงินลงทุน 164.275 ล้านบาท
 

2.2 โครงการที่ใช้เงินกู้ภายในประเทศ จำนวน 3 โครงการ วงเงินลงทุนรวม 1,228.966 ล้านบาท ได้แก่ กปภ. สาขาอุบลราชธานี วงเงินลงทุน 673.497 ล้านบาท สาขาสุรินทร์ วงเงินลงทุน 394.674 ล้านบาท สาขาพัทยา (มาบยางพร – ปลวกแดง) วงเงินลงทุน 160.795 ล้านบาท โดยให้ กปภ. กู้เงินภายในประเทศ (พันธบัตร) เพื่อลงทุนโครงการโดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน
 

นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบและอนุมัติ แผนการลงทุนหลักเพื่อพัฒนาระบบประปา การประปาส่วนภูมิภาค สาขาเชียงใหม่ ปี 2556 – 2570 วงเงินลงทุนรวม 2,257.325 ล้านบาท โดยใช้จากเงินกู้ภายในประเทศ ทั้งนี้การลงทุนโครงการแต่ละระยะภายใต้แผนการลงทุนหลักดังกล่าว ให้ กปภ. นำเสนอโครงการแต่ละระยะให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป และที่ประชุมยังอนุมัติให้ กปภ. ดำเนินโครงการปรับปรุงขยาย กปภ. สาขาเชียงใหม่ ระยะที่ 1 ปี 2556 วงเงินลงทุน 1,390.670 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้ กปภ. กู้เงินภายในประเทศ (พันธบัตร) ทั้งหมด โดยมีกระทรวงการคลัง (กค.) เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้

 

ครม.แต่งตั้ง-ครม. เด้ง “สุทธิชัย-ราฆพ” เข้ากรุ นั่งผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง

เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติให้นายสุทธิชัย สังขมณี รองอธิบดีกรมสรรพากร และนายราฆพ ศรีศุภอรรถ รองอธิบดีกรมศุลกากร ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลังนอกจากนี้ ครม. ยังมีมติแต่งตั้งบุคคลเป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) แทนกรรมการอื่นที่ขอลาออก ได้แก่ นายกฤษฎา มาลีวงศ์ และนายสมบัติ อยู่เมือง ดำรงตำแหน่งกรรมการอื่นในคณะกรรมการ ธอส. ทั้งนี้ครม.ยังมีมติแต่งตั้งกรรมการอื่นเพิ่มเติมอีก 1 คน เพื่อให้คณะกรรมการ ธอส. ครบจำนวนตามกฎหมายกำหนด ได้แก่ นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง กรรมการอื่นเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามสำหรับนายกฤษฎา และนายสมบัติ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2556เป็นต้นไป โดยมีวาระการดำรงตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน ส่วนนายนรวิชญ์ ให้มีผลตั้งแต่ 25 มิ.ย.2556 โดยมีวาระเท่ากับระยะเวลาที่เหลืออยู่ของคณะกรรมการที่ครม. ได้แต่งตั้งไว้แล้วเมื่อวันที่ 25 ต.ค.2554 ที่ผ่านมา

 

ครม. เห็นชอบตั้งกวทช. 22 ราย

เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมครม. มีมติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (กวทช.) ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ โดยแบ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง 11 ราย ได้แก่
1) นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด
2) นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี
3) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ)
4) นายวรวิทย์ จำปีรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
5) นายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
6) นพ.วิษณุ ธรรมลิขิตกุล อาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล
7) นพ.สุทธิพันธ์ จิตพิมลมาศ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
8) นายศักรินทร์ ภูมิรัตน อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
9) นพ.นิพนธ์ โพธิพัฒนชัย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์และการแพทย์
10) รศ.ดร.วุฒิชัย กปิลกาญจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ
11) นายขวัญชัย วงศ์นิติกร อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน
 

ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวต่อว่า ส่วนผู้ทรงคุณวุฒิที่ไม่ใช่ข้าราชการ 11 ราย ได้แก่
1) นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิพล ประธานสภาอุตสาหกรรม
2) นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย
3) นายชาติศิริ โสภณพนิช ประธานและกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ
4) นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
5) นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา
6) นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)
7) นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)
8) นายวีระชัย เชาว์ชาญกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามคูโบต้าอุตสาหกรรม จำกัด
9) นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ
10) นางทรงศักดิ์ เปรมสุข กรรมการผู้อำนวยการบริษัท วอยซ์ทีวี จำกัด และ
11) รศ.ดร.ภก.นิจสิริ เรืองรังษี อาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 

ขอบคุณข้อมูลจาก --> เว็บไซต์สำนักข่าว ISNHOTNEWS วันที่ 25 มิถุนายน 2556

ดาวน์โหลด สรุปข่าวการประชุมคณะรัฐมนตรี 25 มิถุนายน 2556
จาก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล คลิกด้านล่าง

>> ไฟล์แนบ http://www.thaigov.go.th/th/governmental/item/download/901.html