อาจารย์มหา'ลัยบุกศธ.ทวงปรับเงินเดือนเท่าครู
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
วันนี้(24 มิ.ย.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ได้มีตัวแทนที่ประชุมประธานสภาอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ปอมท.) พร้อมด้วยตัวแทนมหาวิทยาลัยราชภัฎ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล และกลุ่มเครือข่ายข้าราชการในสถาบันอุดมศึกษา ประมาณ 30 คน เข้ายื่นหนังสือต่อ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศธ. เพื่อทวงถามความคืบหน้าในการเรียกร้องปรับเพิ่มเงินเดือนอาจารย์มหาวิทยาลัย โดย ผศ.อติชาติ ภูมิวณิชชา ตัวแทนเครือข่ายข้าราชการในสถาบันอุดมศึกษา กล่าวว่า พวกตนมาทวงถามความคืบหน้าหลังมีการเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้แก่อาจารย์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาประมาณ 30,000 คนทั่วประเทศ โดยขอให้มีการปรับเพิ่มเงินเดือน 8% เพื่อให้อาจารย์มหาวิทยาลัยมีเงินเดือนเท่ากับข้าราชการครู ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รวมทั้งมีการเลื่อนไหลข้ามแท่งในกรณีเงินเดือนตัน และหากมีการปรับเพิ่มเงินเดือนครู สพฐ.อีกก็ให้มีการปรับเพิ่มเงินเดือนอาจารย์มหาวิทยาลัยด้วย เพราะเป็นข้าราชการในกระทรวงเดียวกัน มีภาระหน้าที่งานคล้ายกันคือสอนหนังสือ จึงควรได้รับเงินเดือนและความก้าวหน้าที่ทัดเทียมกัน เพื่อไม่ให้เกิดสองมาตรฐานใน ศธ.
“การเรียกร้องครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเงินอย่างเดียว แต่เป็นการเรียกร้องศักดิ์ศรีของอาจารย์ด้วย เพราะที่ผ่านมาคนมักคิดว่าอาจารย์ในมหาวิทยาลัยได้รับเงินเดือนสูงกว่าครู แต่ในความเป็นจริงเมื่อมีการเปรียบเทียบอัตราเงินเดือนขั้นสูงระหว่างครูและบุคลากรทางการศึกษา (คศ.) กับอาจารย์มหาวิทยาลัย พบว่า คศ.2 เงินเดือน 50,550 บาท อาจารย์ 39,630 บาท ครูรับมากกว่า 10,920 บาท ครู คศ.3 เงินเดือน 59,770 บาท ผู้ช่วยศาสตราจารย์ เงินเดือน 54,090 บาท ครูรับมากกว่า 5,680 บาท และครูคศ.4 เงินเดือน 66,480 บาท รองศาสตราจารย์ เงินเดือน 63,960 บาท ครูรับมากกว่า 2,520 บาท” ผศ.อติชาติกล่าวและว่า นอกจากนี้ยังได้ติดตามความคืบหน้าการเสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ที่ให้การปรับเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงสามารถออกเป็นพระราชกฤษฎีกาได้เหมือนกับข้าราชการครู
นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ตนเห็นว่าข้อเรียกร้องดังกล่าวเป็นเหตุผลที่มีน้ำหนัก เพราะเมื่อก่อนครูกับอาจารย์ได้รับเงินเดือนเท่ากันแต่เมื่อมีการปรับเงินเดือนครูในขณะที่อาจารย์ไม่ได้รับการปรับให้เท่าเทียม จึงทำให้เกิดความแตกต่างทั้งๆที่เป็นผู้ให้การศึกษาเหมือนกัน จึงให้ ศ.ดร.ภาวิช ทองโรจน์ ที่ปรึกษา รมว.ศธ. ไปพิจารณาว่าต้องใช้เม็ดเงินเท่าใด เพราะการจะเสนอเรื่องนี้ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ก็ต้องมีตัวเลขวงเงินงบประมาณแจ้งให้ทราบด้วย เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณได้พิจารณา อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังไม่ได้มีการบรรจุในงบประมาณปี 57 แต่หากมีความจำเป็นก็สามารถที่จะใช้วิธีการงบประมาณเพื่อของบกลางเพิ่มเติมได้ ซึ่งทราบว่าจะใช้วงเงินประมาณ 1,000 ล้านบาท
ขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
ขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
ขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
ด้าน รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้มีการนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) เพราะอยู่ระหว่างการพิจารณาวงเงินที่จะต้องใช้ รวมทั้งผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เพราะเมื่อข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาได้ปรับเพิ่มแล้ว พนักงานมหาวิทยาลัยก็ต้องปรับเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนด้วย ซึ่งจะกระทบกับมหาวิทยาลัยโดยรวม ดังนั้นรมว.ศธ.จึงให้กลับไปศึกษาผลกระทบด้านการเงินและนำกลับมาเสนออีกครั้ง
รศ.นพ.กำจร กล่าวด้วยว่า สำหรับเรื่องการเลื่อนไหลเงินเดือนนั้น เมื่อเร็วๆนี้ ที่ประชุมก.พ.อ. ได้ยืนยันร่างกฎก.พ.อ. ว่าด้วยการให้ข้าราชพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาได้รับเงินเดือน เพื่อให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาตำแหน่งวิชาการ ที่ได้รับเงินเดือนถึงขึ้นสูงของอันดับเงินเดือนในตำแหน่งที่ดำรงอยู่ให้ผู้นั้นได้รับเงินเดือนสูงกว่าขั้นสูงของอันดับเงินเดือนเดิมได้ โดยให้ไปอาศัยขั้นเงินเดือนในตำแหน่งถัดไปอีกหนึ่งตำแหน่ง ซึ่งร่างกฎก.พ.อ.ดังกล่าวจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในวันที่ 9 ก.ค.นี้ และหากครม.มีมติเห็นชอบก็จะส่งผลให้ข้าราชการที่มีตำแหน่งทางวิชาการ เช่น ผู้ช่วยศาสตราจารย์(ผศ.) สามารถเลื่อนไหลไปกินเงินเดือนในระดับรองศาสตราจารย์(รศ.)ได้ ส่วนรศ.ก็จะสามารถเลื่อนไหลไปกินเงินเดือนในระดับศาสตราจารย์ (ศ.) ได้เช่นกัน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกับข้าราชการครู และให้เกิดความเป็นธรรมกับนักวิชาการ ส่วนกรณีที่กลุ่มเครือข่ายข้าราชการในสถาบันอุดมศึกษาขอขึ้นเดือน 8% นั้น ยังไม่ได้พิจารณาในครั้งนี้ แต่สกอ.จะไปดูรายละเอียดต่างๆ ว่าจะดำเนินการอย่างไร