KRUWANDEE

รออ.ก.ค.ศ.เขตฯไฟเขียว/ทบทวนอำนาจ-เกณฑ์ย้ายข้ามเขต

 

     นายสุรัฐ ศิลปอนันต์ ประธานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุม กพฐ.เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบการแต่งตั้งผู้บริหารโรงเรียน ในกลุ่มพรีเมียมสคูล จำนวน 111 แห่ง ซึ่งประกอบด้วยโรงเรียนวัตถุประสงค์พิเศษ 56 โรงเรียน และโรงเรียนคุณภาพพิเศษ 55 โรงเรียน โดยหลังจากนี้จะมีการส่งเรื่องไปยังคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่การศึกษา เพื่อดำเนินการแต่งตั้งต่อไป 

 

     ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้มีการหารือและทบทวนเรื่องอำนาจการแต่งตั้งผู้อำนวยการโรงเรียนกลุ่มพรีเมียม ซึ่งคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กำหนดให้มีคณะกรรมการกลั่นกรอง ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เป็นผู้พิจารณากลั่นกรองแต่งตั้ง แทนการให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ เป็นผู้พิจารณา โดยที่ประชุมได้มอบให้กรรมการ กพฐ.คนหนึ่ง ซึ่งเป็นกรรมการใน คณะอ.ก.ค.ศ.วิสามัญเกี่ยวกับนโยบายและระบบบริหารงานบุคคล ไปหารือใน อ.ก.ค.ศ.วิสามัญฯ ชุดดังกล่าวว่า การดำเนินการโยกย้าย และแต่งตั้งผู้บริหารโรงเรียนรกลุ่มพรีเมียม นั้นจะยังคงดำเนินการตามระบบวิธีการเดิม หรือควรต้องมีการปรับเปลี่ยน

 

     ด้านนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า สพฐ.ได้นำเสนอผลการศึกษาผลดีผลเสีย กรณีมีการพิจารณาคัดเลือก ผู้อำนวยการโรงเรียนในกลุ่มพรีเมียมสคูล ต่อที่ประชุม กพฐ. โดยที่ประชุมมีมติให้ สพฐ.ดำเนินการแก้ปัญหาในระยะสั้นและระยะยาว โดยระยะสั้นที่ต้องดำเนินการทันที คือให้ สพฐ.ส่งมอบผลการศึกษาดังกล่าวให้ อ.ก.ค.ศ.วิสามัญฯ นำไปพิจารณาใน 2 ประเด็น คือประเด็นแรก ให้ทบทวนหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายเพื่อให้เกิดการเลื่อนไหลหรือย้ายข้ามเขตได้ เพื่อให้ได้ผู้บริหารที่มีคุณภาพประสบการณ์เหมาะสมที่สุด และประเด็นที่ 2 เพื่อให้พิจารณาว่าจำนวนรายชื่อโรงเรียนกลุ่มคุณภาพพิเศษ ที่เหมาะสมควรมีเท่าไร หรือที่มีอยู่ในปัจจุบันมากเกินไปหรือไม่ เนื่องจากระยะแรกที่ สพฐ.ดำเนินการนั้นมีเพียง 16 แห่ง แต่ปัจจุบันในปีที่ 2 เพิ่มขึ้นเป็น 56 แห่ง ซึ่งที่ประชุมส่วนใหญ่มองว่าจำนวนมากเกินไป 

 

     อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาในระยะยาวนั้น ที่ประชุมเสนอให้มีการตั้งกำหนด อ.ก.ค.ศ.สพฐ. ขึ้น เพราะเมื่อเกิดกรณีที่การพิจารณาจาก สพฐ.ไม่สอดคล้องกับการพิจารณาของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ ก็ให้นำเสนอปัญหาเหล่านั้นมาสู่การพิจารณาของ อ.ก.ค.ศ.สพฐ. และให้ถือว่าการประชุมและมติของ อ.ก.ค.ศ. สพฐ.เป็นข้อยุติ แต่เนื่องจากเวลานี้ในระบบบริหารงานบุคคลนั้น ไม่ได้มี อ.ก.ค.ศ.สพฐ.ทำให้เวลาเกิดปัญหาขัดแย้ง จึงต้องเสนอปัญหาไปยังบอร์ด ก.ค.ศ.ชุดใหญ่เท่านั้น

ขอบคุณข้อมูลจาก --> เว็บไซต์หนังสือพิมพ์สยามรัฐ วันที่ 9 มิถุนายน 2556