อีกมุมมองสะท้อนปัญหาการศึกษาไทยครูทุ่มเททำ'วิทยฐานะ'
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
อีกมุมมองสะท้อนปัญหาการศึกษาไทยครูทุ่มเททำ'วิทยฐานะ'
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 7 มิ.ย. 2556 (กรอบบ่าย)
ชิงชัย เชิดกลิ่น ครูเป็นหัวใจของการพัฒนาการศึกษา เป็นผู้กำหนดคุณภาพประชากรในสังคม และ คุณภาพของประชากรสังคม คือตัวกำหนดในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครอง การศึกษา วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม วิชาชีพครูจึงควรเป็นที่รวมของคนเก่ง คนดี สามารถเป็นต้นแบบทางคุณธรรม
จริยธรรม การประพฤติปฏิบัติตน การดำรงชีวิต และการชี้นำสังคมไปในทางที่เหมาะสม นับตั้งแต่มี พ.ร.บ.ครูและบุคลากรทางการศึกษา 2547 ใน มาตรา 54 ได้ระบุไว้ว่า ครูจะมีวิทยฐานะได้จะต้องเข้ารับการประเมิน ซึ่งปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากจะทำให้เกิดวิกฤติขวัญและกำลังใจของครูแล้วปัญหาที่สำคัญกว่านั้นก็คือ วิกฤติด้านคุณธรรมจริยธรรม และจรรยาบรรณของความเป็นครู การเสนอผลงานเพื่อการประเมินเลื่อนวิทยฐานะไม่ใช่ผลที่ได้รับทางตรงแต่เป็นผลพลอยได้ หรืออานิสงส์จากการพัฒนางานจนเกิดผลดีแก่ผู้เรียนที่ชัดเจน แต่ก็มีครูจำนวนไม่น้อยที่มุ่งทำผลงานของตนเอง ละเลยหน้าที่หลักคือภาระงานสอน ปล่อยปละละเลยผู้เรียน มีการจ้าง การรับจ้าง รวมทั้งการคัดลอกผลงานวิชาการของผู้อื่น เหล่านี้ล้วน เป็นวิกฤติศรัทธาที่ทำให้วิชาชีพครูตกต่ำลง
นายวิทิต ลาวัณย์เสถียร ประธานคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยอง เขต 1 จ.ระยอง และประธานมูลนิธิช่วยเหลือเด็กนักเรียนยากจน อ.แกลง จ.ระยอง ที่อยู่ในแวดวงการศึกษามากกว่า 10 ปีแล้วมองการศึกษาไทยที่ผ่านมาว่า ปัญหาเรื่องการศึกษาเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนโยบายหลักของการศึกษาแห่งชาติที่วางระบบไว้ ทำให้โรงเรียนเล็ก ๆ ขาดความเข้มแข็งที่จะอยู่คู่กับชุมชนหากกระทรวงศึกษาธิการมัวแต่มาหาทางออกแค่เรื่องการควบรวม เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเกี่ยวกับประเด็นยุบโรงเรียนขนาดเล็ก กรณีนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายให้ยุบหรือรวมโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนต่ำกว่า 120 คนนั้น ตนเองเห็นด้วยเพราะถ้าไม่แก้ไขสภาพการศึกษาคงเลวร้ายยิ่งไปกว่านี้
นายวิทิต กล่าวต่อไปว่า นโยบายการบริหารจัดการเรื่องแรกที่กระทรวงศึกษาธิการต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน คือการให้ผลตอบแทนครูหรือบุคลากรทางการศึกษาผิด ๆ โดยใช้วิธีให้ครูทำผลงานวิจัยหลายระดับ เพื่อยกระดับวิทยฐานะของครูตั้งแต่ครูชำนาญการ ครูชำนาญการพิเศษ ครูเชี่ยวชาญและครูเชี่ยวชาญพิเศษ เป็นนโยบายตัวหนึ่งที่สร้างปัญหาอย่างแท้จริง ในเมื่อกระทรวงศึกษาธิการกำหนดเป็นนโยบาย จะไปโทษครูเอาแต่เวลาไปทุ่มเทกับการทำผลงานวิจัยทำให้ครูไม่มีเวลาจะสอนไม่ได้ เพราะเงินเดือนค่าตอบแทนครูตั้งแต่เริ่มแรกค่อนข้างต่ำ หากครูไม่พยายามดิ้นรนค่าครองชีพเลี้ยงครอบครัว ครูส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยพอใช้ ครูทุกคนก็ต้องดิ้นรนเพื่อให้ครอบครัวของตนอยู่รอด เมื่อครูไม่มีเวลาจะสอนเด็กนักเรียนหรือทุ่มเทเวลาให้กับการสอนเด็กนักเรียนน้อยลง ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาก็เริ่มตกต่ำ
นายวิทิต กล่าวว่าปัญหาที่หนักที่สุดคือเรื่องงบประมาณของกระทรวงศึกษาฯ 80% เป็นค่าใช้จ่ายบุคลากรกับอุดหนุนสถานศึกษา ทำให้เหลืองบที่จะพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถนั้นน้อยมาก หากยังแก้ไขไม่ได้ในอนาคตกระทรวงศึกษาฯ จะหาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าบุคลากรครูที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆสุดท้ายการศึกษาก็จะล่มทั้งระบบ
ปัจจุบันมีครูส่วนหนึ่งที่รักเด็กทุ่มเทให้กับการสอน โดยไม่สนใจเรื่องการทำวิทยฐานะ ครูเหล่านี้กลับไม่ได้อะไรเป็นผลตอบแทน นี่คือความล้มเหลวของระบบการศึกษาอย่างแท้จริง หากไม่แก้ไขปัญหาที่ต้นตอ ในอนาคตโรงเรียนเล็กก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โรงเรียนใหญ่ต้องรับเด็กเกินขนาดก็จะเริ่มมีปัญหา เมื่อไม่สามารถจัดการปัญหาด้านการศึกษาให้มีคุณภาพได้ สุดท้ายไม่ว่าโรงเรียนใหญ่หรือเล็กก็จะเกิดปัญหาทั้งสิ้น นายวิทิต กล่าว
อย่างไรก็ดี "เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ที่ดีในวันข้างหน้า" เป็นอีกหนึ่งคำที่ทุกคนกล่าวถึง สำหรับเด็กหากไม่มีแม่พิมพ์ที่ดีแล้ว การจะก้าวไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดีคงเป็นความหวังที่เลือนราง.
ขอบคุณข้อมูลจาก --> ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ วันที่ 6 มิถุนายน 2556