KRUWANDEE

"พงศ์เทพ"ย้ำถ้าไม่ตัดคำว่า "ห้ามนักเรียนซอยผม"ออกจากกฎกระทรวงฯอาจทำให้เข้าใจผิดได้ ชี้การตัดผมไม่ว่าทรงอะไรก็ต้องมีการซอยเพื่อให้เป็นทรง ยันกฎใหม่ไม่ได้เอาใจเด็กแต่เป็นการสอนให้เด็กมีเหตุมีผลไม่ใช่รับคำสั่งอย่างเดียว
 

วันนี้(16พ.ค.)นายพงศ์เทพ  เทพกาญจนา  รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ศธ.เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) ให้ความเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดความประพฤติ การแต่งกาย และแบบทรงผมของนักเรียนนักศึกษา โดยได้มีการปรับแก้ถ้อยคำในหมวด 3 แบบทรงผม ให้ตัดคำว่า “ซอยผม” ออกจากข้อ 2 ที่ระบุว่า นักเรียนหญิงให้ไว้ผมสั้นหรือยาวก็ได้ กรณีไว้ยาวก็ให้รวบให้เรียบร้อย ห้ามนักเรียน ซอยผม ดัดผม ทำสีผม ไว้หนวดเครา หรือกระทำการอื่นใดที่ไม่เหมาะสมกับสภาพการเป็นนักเรียน ซึ่งเหตุที่ให้ตัดคำว่า  “ซอยผม”ออก เพราะเห็นว่า เวลานักเรียนตัดผมจะต้องมีการซอย หรือแม้แต่ผมรองทรงก็ต้องมีการซอย ดังนั้นการที่ร่างกฎกระทรวงกำหนดว่า ห้ามนักเรียนซอยผม อาจจะทำให้มีการตีความไปในทางที่ผิดได้ จึงคิดว่า คำว่า "ห้ามซอยผม" ถ้าทิ้งไว้จะทำให้มีปัญหาในอนาคตได้ เลยต้องตัดออก แต่ตามหลักการก็คือ นักเรียนผู้ชายตัดผมรองทรง ส่วนนักเรียนหญิงจะตัดสั้นก็ได้ ยาวก็ได้ แต่ขอให้รวบให้เรียบร้อย

 

“ผมไม่คิดว่าคำว่าซอยผมจะมีปัญหา แต่สิ่งที่เรากลัวคือ เวลาบอกห้ามซอย เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าผมที่ตัดออกมาจะซอยไม่ได้เลย ซึ่งผิดธรรมชาติของการตัดผม เพราะถ้าตัดอย่างเดียวไม่ซอยให้เป็นทรงผมก็จะเป็นชั้น ๆ หรือเป็นปึก ๆ ทั้งนี้คิดว่าคำว่าซอยผมเป็นส่วนหนึ่งของการตัดผม”นายพงศ์เทพกล่าวและว่า ส่วนที่ตัดคำว่า “โรงเรียนอาจกำหนดแบบทรงผมได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎกระทรวงนี้ โดยให้รับฟังความคิดเห็นและทำประชาพิจารณ์ร่วมกับนักเรียนให้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาก่อน” ออกจากร่างกฎกระทรวงด้วย ก็เพื่อต้องการให้เกิดความเท่าเทียม ไม่ไปริดรอนสิทธิของนักเรียน ไม่ใช่เป็นการทำเพื่อเอาใจเด็ก เพราะสิ่งสำคัญคือเรากำลังสอนให้เด็กเป็นคนที่มีเหตุผลในสังคมประชาธิปไตย ที่เวลาจะทำอะไรต้องมีเหตุมีผล รู้จักคิด ถ้าเราบอกให้เขาตัดทรงเกรียนเหมือนสมัยก่อน ก็ต้องถามว่ามีเหตุผลอะไรที่จะไปบอกให้เขาตัดทรงนั้น เมื่ออธิบายไม่ได้ และสั่งให้เด็กทำ ก็เท่ากับเป็นการสอนให้เด็กรับคำสั่ง ที่ไม่มีเหตุผล

 

ขอบคุณข้อมูลจาก --> เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 16 พฤษภาคม 2556