เล็งออกใบรับรองวิทยานิพนธ์ จุฬาฯซุ่มทำเครื่องตรวจสอบฉบับภาษาไทย
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยถึงกรณีที่นายภาวิช ทองโรจน์ ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ ได้รับแจ้งเบาะแสว่ามีการรับจ้างทำดุษฎีนิพนธ์ ของปริญญาเอก ทุกสาขาวิชาทั่วประเทศ โดยประกาศผ่านทางเว็บไซต์ www.researchthailand.com และจะนำเรื่องนี้เข้าหรือกับนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อหาทางแก้ไขว่า ทุกมหาวิทยาลัยพยายามจัดการเรื่องนี้อยู่แล้ว
โดยตรวจสอบวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาอย่างเข้มข้น ทั้งการสัมภาษณ์ หากเป็นผลงานของนักศึกษาจริงก็จะต้องตอบโต้ได้ และมหาวิทยาลัยพอจะรู้ว่ามีบริษัทที่รับทำเรื่องดังกล่าวอยู่ ซึ่งเท่าที่ดูนักศึกษาที่เรียนภาคปกติทั่วไปไม่ค่อยมีปัญหา แต่ที่เป็นปัญหาคือภาคพิเศษ ที่เชิญผู้บริหารต่างๆ มาเรียน และพวกที่รับจ้างทำส่วนใหญ่จะไปลอกเขามาเช่นกัน ดังนั้นจึงสามารถตรวจสอบได้ เพราะขณะนี้มหาวิทยาลัยหลายแห่งมีเครื่องตรวจสอบวิทยานิพนธ์แล้ว แต่เป็นภาษาอังกฤษ ส่วนภาษาไทยทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำลังพัฒนาขึ้น และจะไปใช้อย่างในการตรวจสอบ ซึ่งหากพบว่ามีการคัดลอก หรือจ้างวานก็จะถูกถอดปริญญา โดย มธ.เองก็เคยถอดปริญญามาแล้วหลายราย
"ตามกฎหมายนั้น การลอกปริญญาถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญา ผู้เสียหายสามารถแจ้งความได้ตามกฎหมาย และในอนาคตหากเครื่องตรวจวิทยานิพนธ์ มีใช้อย่างแพร่หลาย ขั้นตอนไปวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาทุกระดับจะต้องมีใบรับรองอีกชั้นหนึ่งจึงจะสามารถเข้าสอบได้ อย่างไรก็ตาม ในการประชุม ทปอ.เมื่อเร็วๆ นี้ ทางจุฬาฯ ยังเสนอแนวทางแก้ปัญหาดังกล่าวในระยะยาวว่า ทุกมหาวิทยาลัยควรจะมีการสอนข้อห้ามในการทำวิทยานิพนธ์ให้นักศึกษาด้วย เช่น ห้ามคัดลอกผลงานผู้อื่นมาโดยไม่อ้างอิง เป็นต้น เพราะที่ผ่านมามหาวิทยาลัยสอนแต่วิธีการทำสารนิพนธ์ และวิทยานิพนธ์เท่านั้น"นายสมคิด กล่าว
นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาฯ กล่าวว่า การจ้างทำวิทยานิพนธ์ หรือลอกผลงานทางวิชาการ นั้นเท่ากับเป็นการทุจริตทางวิชาการ ถือว่าทำผิดทั้งผู้จ้างและผู้รับจ้าง หากจะเอาความผิดก็ต้องเอาทั้งคู่ เพื่อป้องกันไม่ให้วงการวิชาการเสื่อมเสียไปมากกว่านี้ ทั้งนี้ ในส่วนของเครื่องตรวจสอบวิทยานิพนธ์ฉบับภาษาไทย ที่จุฬาฯ กำลังพัฒนานั้นคาดว่าจะสามารถใช้การได้ประมาณเดือน ก.ค.นี้
ขอบคุณข้อมูลจาก --> เว็บไซต์หนังสือพิมพ์สยามรัฐ วันที่ 2 พฤษภาคม 2556