World Bank แนะปรับงบฯ การศึกษา ชี้คุณภาพเด็ก กทม.เทียบมะกัน
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
World Bank เผยผลวิเคราะห์การศึกษาไทย แม้ผลประเมิน TIMSS และ PISA จะอยู่รั้งท้าย แต่หากจำแนกกลุ่มย่อยพบเด็กเมืองใหญ่ กทม.ค่าเฉลี่ยคุณภาพเทียบเคียงอเมริกา แนะไทยรับแผนงบประมาณการลงทุนทางการศึกษา อย่ากระจายเท่ากันหมด ช่วยลดความสูญเปล่าในอนาคต
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า จากการประชุมผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมได้สรุปผลการวิเคราะห์ของธนาคารโลก หรือ World Bank เกี่ยวกับผลการทดสอบนานาชาติของนักเรียนไทย ได้แก่ ผลการประเมินความสามารถทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติ หรือ TIMSS จัดโดย The International Association for the Evaluation of Educational Achievement หรือ IEA และการประเมินผลนักเรียนนานาชาติ หรือ PISA เพื่อรายงานต่อที่ประชุมกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในเดือน มี.ค.นี้
โดยผลการวิเคราะห์ระบุว่า แม้ผลการทดสอบนานาชาติ TIMSS และ PISA ของเด็กไทยจะมีคะแนนเฉลี่ยรวมอยู่ในอันดับค่อนข้างท้าย แต่หากจำแนกเป็นกลุ่มพื้นที่ กทม. กับจังหวัดอื่นๆ จะพบว่า คะแนนเฉลี่ย และการกระจายตัวของคะแนนนักเรียนในเขต กทม.ของโรงเรียนทุกสังกัด มีลักษณะการกระจายเทียบได้กับประเทศสหรัฐอเมริกา ดังนั้นธนาคารโลกจึงได้ข้อสรุปว่า การศึกษาของไทยหากเป็นนักเรียนในเขต กทม. ถือว่าจัดการศึกษาใช้ได้ แต่ในเขตชนบทห่างไกล ยังมีช่องว่าง และมีปัญหาการขาดแคลนต่างๆ
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อว่า ทั้งนี้เมื่อพิจารณาผลการทดสอบ TIMSS และ PISA ที่ผ่านมาจนถึงการทดสอบครั้งล่าสุด เด็กไทยที่อยู่ในผลการเรียนกลุ่มต่ำ มีพัฒนาการสูงขึ้น 10 คะแนน ทางธนาคารโลกจึงให้ข้อคิดว่าไทยคงจะมีมาตรการบางอย่างที่ทำให้เกิดผลดีต่อเด็กในกลุ่มนี้ ดังนั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ สพฐ.จะกลับไปพิจารณาทบทวนว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลต่อความสำเร็จ ที่สามารถทำให้เด็กมีพัฒนาการสูงขึ้นถึง 10 คะแนน และยังเสนอแนะว่า นโยบายการลงทุนการศึกษาของไทย ควรเน้นเรื่องการลดช่องว่างระหว่างโรงเรียนในเมืองกับนอกเมืองให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งหากยังกระจายงบประมาณออกไปเท่าๆ กัน ก็จะทำให้ช่องว่างไม่ได้รับการแก้ไข และเกิดความสูญเปล่าอีกมาก
"หลังจากนี้ สพฐ.จะไปดูข้อมูลย้อนหลังว่า เราได้ดำเนินโครงการอะไรไปบ้าง ที่ทำให้เกิดความสำเร็จ รวมถึงการบริหารจัดการของเขตพื้นที่การศึกษา เพราะขณะนี้หลายเขตพื้นที่ฯ มีการทำงานร่วมกันเป็นเครือข่ายสหวิชา ซึ่งผมเชื่อว่าการใช้วิธีที่ให้ครูมารวมตัวกัน นำครูที่สอนเก่งและประสบความสำเร็จในการสอนมาช่วยให้คำแนะนำแก่เพื่อนครู น่าจะเป็นจุดแข็งที่ทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็กดีขึ้น"นายชินภัทร กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก --> เว็บไซต์หนังสือพิมพ์สยามรัฐ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2556