ก.ค.ศ.เผยผลวิจัยการใช้งานระบบ ว PA !!! ครูพึงพอใจสูงลิ่ว
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เปิดเผยว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้สำรวจกลุ่มเป้าหมายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ใช้ระบบการประเมินวิทยฐานะรูปแบบข้อตกลงพัฒนางาน (Performance Agreement : PA) ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ว 9 – ว 11/2564 (วPA) หรือ PA ทั่วประเทศ โดยได้ประเมินประสิทธิผลและผลลัพธ์ รวมทั้งศึกษาปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะของ ว PA ใน 4 ระดับ ได้แก่ ระดับ 1 ความรู้สึก ระดับ 2 การเรียนรู้ ระดับ 3 พฤติกรรม และระดับ 4 ผลลัพธ์ พบว่า ในระดับความรู้สึก ผู้ใช้งานมีความพึงพอใจในด้านส่งเสริมความก้าวหน้าทางวิชาชีพ ร้อยละ 92.01 เชื่อมโยงกับการปฏิบัติงานจริง ร้อยละ 91.29 ช่วยสะท้อนคิดและพัฒนาการสอน ร้อยละ 91.28 ระดับการเรียนรู้ ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจลักษณะงานที่ปฏิบัติตามาตรฐานตำแหน่ง ร้อยละ 88.62 และสามารถจำหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินฯ ตามวิทยฐานะได้ ร้อยละ 85.95 ระดับพฤติกรรม ผู้ใช้งานนำความรู้หรือทักษะใหม่ ๆ ที่ได้รับจากการประเมินฯ ไปปฏิบัติ ร้อยละ 92.25 ปรับเปลี่ยนการสอนโดยอาศัยข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการประเมินฯ ร้อยละ 89.83 และระดับผลลัพธ์ระบบ PA ช่วยพัฒนาครูและก่อให้เกิดประโยชน์กับการเรียนรู้ของผู้เรียน ร้อยละ 92.74 ช่วยระบุจุดแข็งและจุดที่ควรพัฒนาที่ชัดเจน ร้อยละ 89.59 รวมถึงสร้างการพัฒนาบนฐานของการจัดการเรียนรู้และการจัดการชั้นเรียน ร้อยละ 88.62
เลขาธิการ ก.ค.ศ. กล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาที่พบในการใช้งานระบบการประเมินวิทยฐานะ วPA ระยะแรกพบว่าผู้ใช้งานมีอุปสรรคระยะเวลาที่ใช้ในการพิจารณาผล ซึ่งสำนักงาน ก.ค.ศ. ได้แก้ไขปัญหาดังกล่าว และได้รับผลตอบรับจากผู้ใช้งานที่ดีขึ้น และมีข้อเสนอแนะในการวิจัย ใน 5 ประเด็น ได้แก่ 1.การให้ข้อมูลย้อนกลับและการสื่อสารอย่างทันท่วงที 2. การปรับปรุงระบบประเมินวิทยฐานะดิจิทัล (DPA) 3. การเสริมสร้างการสนับสนุนจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา 4. การเพิ่มการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างครูและผู้บริหาร และ 5. การสร้างความเข้าใจถึงประโยชน์ของระบบ DPA ทั้งนี้ สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้นำผลการวิจัยดังกล่าวเสนอต่อ รมว.ศธ.แล้ว ทั้งรับนโยบายและข้อสั่งการในการขับเคลื่อนระบบ PA ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งหลังจากนี้จะมีการพัฒนาระบบ DPA ในเวอร์ชั่น 2 เพื่อลดกระบวนการและขั้นตอนในการดำเนินการให้ง่ายขึ้น และนำข้อเสนอแนะจากการวิจัยนี้มาพัฒนาระบบเพื่อให้มีประสิทธิภาพต่อไป.
#At_HeaR #ข่าวจริงเข้าหู #กระทรวงศึกษาธิการ
ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: เฟซบุ๊กแฟนเพจ At HeaR วันที่ 21 กันยายน 2566