เสมา 1 มอบการบ้านรัว ๆ 245 ผอ.เขตพื้นที่การศึกษา
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ที่โรงแรมปริ๊นพาเลซ กรุงเทพฯ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวตอนหนึ่งในการประชุมมอบนโยบายให้แก่ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) จำนวน 245 เขตทั่วประเทศ ว่า ผู้อำนวยการ สพท.ทุกคนถือเป็นบุคลากรหลักที่สำคัญที่เป็นกลไกในการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาทุกด้าน และยังทำงานใกล้ชิดกับครูและบุคลากรทางการศึกษาในระดับพื้นที่มากที่สุด ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นหน่วยงานที่ดูแลเด็กและเยาวชนทั้งประเทศที่เป็นอนาคตของชาติ จึงทำให้เป็นที่คาดหวังจากสังคมมากที่สุด และคงจะปฎิเสธความรับผิดชอบไม่ได้หากเกิดปัญหาต่อครู นักเรียน และโรงเรียน เพราะขณะนี้การศึกษาเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ซึ่งไม่เพียงแต่ต้องเข้มข้นเรื่องการเรียนการสอน แต่อยากให้ทุกคนไม่ลืมเรื่องความปลอดภัยในสถานศึกษาด้วย โดยตนอยากให้ครูและผู้บริหารทุกคนใช้ความพยายามอย่างหนักในการสร้างเกราะความปลอดภัยให้แก่นักเรียน ซึ่งเขตพื้นที่จะต้องเข้าไปช่วยกำกับดูแลเรื่องความปลอดภัยในโรงเรียนเข้มข้นด้วย เนื่องจากโรงเรียนในสังกัดมีหลายขนาดและมีความหลากหลายแตกต่างกัน สพท.จึงต้องมอนิเตอร์ข้อมูลแบบเรียลไทม์วิเคราะห์จุดเด่นจุดด้อยของโรงเรียนในสังกัดตัวเอง และแยกการเฝ้าระวังดูแลให้เป็นพิเศษ เพราะความรุนแรงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะปัญหายาเสพติดจะต้องมีมาตรการป้องกันแบบเข้มสกัดยาเสพติดไม่ให้เข้าไปในรั้วโรงเรียนให้ได้
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า ส่วนนโยบายเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาอยากให้ สพท.ติดตามนโนบายนี้อย่างใกล้ชิดไม่ว่าจะเป็นโครงการพาน้องกลับมาเรียน เพราะเร็วๆนี้จะปิดภาคเรียนที่ 2 แล้ว และจะเปิดภาคเรียนใหม่ในปีการศึกษา 2566 จึงต้องวางแผนการติดตามดูแลเด็กที่หลุดระบบการศึกษาให้ได้กลับมาเรียนในภาคเรียนใหม่ เพื่อสร้างโอกาสการเรียนรู้ของเด็กทุกคนอย่างทั่วถึง และไม่ให้เด็กเสียโอกาสในการเรียนรู้ สำหรับนโยบายโรงเรียนคุณภาพเป็นนโยบายสำคัญในการแก้ไขปัญหาโรงเรียนขนาดเล็ก แต่ขณะนี้พบว่ายังมีโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียน 61-119 คนที่ยังขาดผู้บริหารโรงเรียนและไม่สามารถยุบหรือควบรวมได้ ซึ่งในกลุ่มนี้ ศธ.ได้วางแผนคืนอัตรากำลังผู้บริหารโรงเรียนให้แล้ว ซึ่งจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ตนอยากให้ สพท.สร้างความเข้าใจถึงการจัดทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) ให้แก่ผู้บริหารโรงเรียนได้รับทราบด้วยว่า การจัดสอบดังกล่าวเป็นเรื่องของความสมัครใจ อีกทั้งไม่ได้เป็นนำมาเป็นไม้บรรทัดวัดว่าโรงเรียนแต่ละแห่งมีคุณภาพหรือไม่มีคุณภาพ หรือเป็นการสร้างผลงานเลื่อนขั้นเลื่อนเงินเดือนให้แก่ผู้บริหารโรงเรียน แต่อยากให้การสอบโอเน็ตเป็นการเสริมคุณภาพของเด็กว่ายังขาดทักษะด้านไหนมากกว่า
“เรื่องระเบียบทรงผมนักเรียนอยากให้เขตพื้นที่ทำความเข้าใจให้สถานศึกษารับทราบด้วยว่า ศธ.ต้องการกระจายอำนาจไปสู่สถานศึกษา ดังนั้นระเบียบทรงผมนักเรียน ศธ.จึงอยากให้อิสระสถานศึกษาได้ออกแบบกฎระเบียบตามความเหมาะสมเข้ากับยุคสมัย ส่วนการลงโทษเด็กเกินกว่าเหตุอยากให้เขตกำชับสถานศึกษาด้วย เพราะดิฉันไม่เห็นด้วยกับการลงโทษเด็กที่รุนแรงทุกกรณี ซึ่งทราบดีว่าครูมีความหวังดีต่อนักเรียน แต่การลงโทษเด็กมีกฎระเบียบหลายวิธีที่ไม่ใช่เป็นการลงโทษที่รุนแรง” น.ส.ตรีนุช กล่าวและว่า ส่วนการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการต่าง ๆ ขอฝากให้ช่วยติดตามการใช้จ่ายงบฯอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์ต่อการจัดการศึกษา รวมถึงการบริหารจัดการโคงการอาหารกลางวันของโรงเรียนจะต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส นักเรียนต้องได้รับสารอาหารถูกหลักโภชนาการด้วย ขณะที่การบริหารงานบุคคลขณะนี้ได้ไปอยู่ในรูปแบบ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาแล้ว ตนจึงขอให้สร้างความเชื่อมั่นให้แก่สังคม และต้องทำอย่างโปร่งใสอย่าให้มีเรื่องร้องเรียนเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด.
ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: เฟซบุ๊กแฟนเพจ At HeaR วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566