เด็กติดเชื้อพุ่ง 7 ม.ค. วันเดียวกว่าพันคน งัดแผนเผชิญเหตุคุมการระบาด
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก- ก+
เด็กติดเชื้อพุ่ง 7 ม.ค. วันเดียวกว่าพันคน งัดแผนเผชิญเหตุคุมการระบาดเกาะติดสถานการณ์โอมิครอน วันนี้ (12 ม.ค.65) พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ รองผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เปิดเผยว่า ที่ประชุมEOCกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) หารือเรื่องการเปิด-ปิดโรงเรียนและสถานศึกษา จากการหารือร่วมกับกระทรวงศึกษา ได้จัดให้มีการประเมินสถานศึกษาเตรียมพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน ทำแผนเผชิญเหตุกรณีพบการติดเชื้อของนักเรียน นักศึกษา และบุคลากรในโรงเรียน
ทั้งนี้ข้อมูลวันที่ 7 ม.ค.65 ที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7,526 คน เป็นกลุ่มอายุ 0-19 ปี จำนวน 1,048 คน คิดเป็น 13.9%
ขณะที่ข้อมูลระหว่างวันที่ 26 ธ.ค.64 ถึง 1 ม.ค.65 เด็กอายุ 6-8ปี ติดเชื้อ 2,072 คน โดย 10 จังหวัด ที่นักเรียนอายุ 6-18 ปีติดเชื้อมากที่สุด คือ กทม. ชลบุรี อุบลราชธานี สมุทรปราการ พังงา กาฬสินธุ์ ภูเก็ต ขอนแก่น พัทลุง และร้อยเอ็ด ซึ่งติดเชื้อจากการสัมผัสยืนยัน หากเป็นนักเรียนส่วนใหญ่ติดจากคนในครอบครัว ขณะที่ครูติดจากเพื่อนร่วมงาน
หลักการจัดการป้องกันควบคุมโรคสถานศึกษา มีการชี้แจงจังหวัดต่างๆ ว่า มีการดำเนินการโดย 6 มาตรการหลัก เช่น เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากตลอดเวลา ล้างมือ วัดไข้ ไม่ทำกิจกรรมที่มีคนแออัดจำนวนมาก , 6 มาตรการเสริม เช่น ใช้ช้อนกลางส่วนตัว ลงทะเบียนก่อนเข้าออกสถานศึกษา เป็นต้น
และ 7 มาตรการเข้มงวด คือ ประเมินด้วย Thai Stop COVID+ ซึ่งผลการประเมินสถานศึกษา บุคลากรในโรงเรียน และนักเรียน ผ่านเกือบ 100% แล้ว มีการทำแผนเผชิญเหตุ เพื่อใช้ในการดำเนินงานป้องกันควบคุมโรค ซึ่งมีการส่งไปยังจังหวัดต่างๆ และต้องมีการซักซ้อมสม่ำเสมอ รวมถึง เพิ่มภูมิคุ้มกันบุคลากรในโรงเรียนและครู ซึ่งการเปิดเรียนต้องรับวัคซีนเกิน 75% ส่วนนักเรียนเราฉีดให้แก่อายุ 12 ปีขึ้นไป ดำเนินการไปแล้ว และเวลาจะเข้าไปเรียนมีการคัดกรองตรวจด้วย ATK เป็นระยะ
แผนเผชิญเหตุ อาทิ ถ้าพบนักเรียนหรือครูติดเชื้อ 1 คนดำเนินการอย่างไรต่อ เช่น สอบสวนโรค ปิดห้องเรียนนั้น 3 วันเป็นต้น การพบผู้ติดเชื้อ 1-2 คนหรือเท่าไร ไม่จำเป็นต้องปิดเรียนทั้งโรงเรียน ดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุ ซึ่งการปิดทั้งโรงเรียนจะทำให้เกิดผลกระทบต่อการศึกษาของเด็กหรือนักศึกษา ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมามีผลกระทบอย่างมาก การจัดการในโรงเรียนสถานศึกษาขอให้ คณะกรรมการโรคติดต่อ กทม./จังหวัด ประชาสัมพันธ์ ทำแผนเผชิญเหตุให้ ร.ร.ทุกพื้นที่ทั้งภาครัฐ เอกชน และรูปแบบประเภทต่างๆ ให้เข้าใจควบคุมโรคตรงกัน
ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: 7HDร้อนออนไลน์ วันที่ 12 ม.ค. 2565