"เมื่อคุณเขียนย้าย ก็ไม่ต้องเอาความดีความชอบอะไรไป" การกลั่นแกล้งด้วยขั้นเงินเดือนแบบเปอร์เซ็นต์
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก- ก+
วันนี้(23 พฤษภาคม 2564) ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ วันนั้นเมื่อฉันสอน ได้เผยแพร่เรื่องราวที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการย้าย และการเลื่อนเงินเดือน ซึ่งคิดว่า หลาย ๆ ท่านคงจะเคยมีประสบการณ์โดยตรง คือ การเขียนย้ายแล้วเมื่อได้ย้าย ความดีความชอบที่ได้ก็ไม่เป็นอย่างที่เราตั้งใจไว้ ไปดูเรื่องราวกันครับเมื่อคุณเขียนย้ายก็ไม่ต้อง เอาความดีความชอบอะไรไป
การกลั่นแกล้งด้วยขั้นเงินเดือนแบบเปอร์เซ็นต์
สวัสดีครับคุณครู ผมติดตามอ่านเรื่องราวต่างๆ ในเพจครูมาตลอด ไม่รู้ว่าเคยเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับประเด็นการเลื่อนเปอร์เซ็นต์ เงินเดือนของครูย้ายหรือยัง แฟนเพจท่านหนึ่งของผมทักมา ก่อนที่จะบอกเล่าเรื่องเล่าความเจ็บปวดในวันที่ย้ายออกมา...
เริ่มแรก ตอนมาบรรจุที่โรงเรียนแห่งนี้ใหม่ๆ ก็มักจะได้ยินครูรุ่นพี่พูดถึงการเลื่อนเงินเดือนที่ไม่ค่อยเป็นธรรม คนเดิมได้ 2 ขั้น เว้นปีมาตลอด แล้ววันหนึ่งเมื่อมีการเลื่อนแบบเปอร์เซนต์ไม่นึกว่าจะต้องมาเจอความไม่เป็นธรรมกับตัวเอง
เมื่อมีการเปลี่ยนมาเลื่อนเงินเดือนแบบเปอร์เซ็นต์ผู้บริหาร ก็จะให้ครูส่งแบบประเมินเงินเดือนของตนเอง แล้วก็จะมีการประชุมกรรมการเพื่อพิจารณา จากนั้นก็จะแจกกระดาษที่แจ้งผลการเลื่อนเงินเดือน
จนกระทั่งครั้งล่าสุด มีครูเขียนย้าย รู้ผลย้ายก่อนประเมินเงินเดือนว่าได้ไป
ปรากฏว่าเมื่อถึงรอบการเลื่อนเงินเดือนผมได้เลื่อน 2% (460 บาท) เช็คด้วยตัวเองที่เขต นั่นทำให้ผมเข้าใจได้ทันทีว่า ทำไมจึงไม่เเจ้งผลการเลื่อนเงินเดือนเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา (ก่อนหน้านนี้ผมได้ไม่ต่ำกว่า 2.7-3.9)
ผมผิดอะไรหรือเพียงแค่เพราะผมเขียนย้ายกลับภูมิลำเนาของตัวเอง จึงกดเงินเดือนต่ำขนาดนี้ ถึงแม้ว่าผมจะเขียนย้ายตามสิทธิแต่ตลอดเวลาผมอยู่ที่นี่ 4 ปีผมก็ทำงานเต็มที่ตลอด ผลการสอบ O-NET นักเรียนของผมก็ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของเขต นี่หรือคือสิ่งที่ผู้บริหารกระทำต่อลูกน้องเมื่อเขียนย้าย เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล หมดประโยชน์ก็เฉดหัวไปให้พ้นทางไม่มีความดีต่อกัน
สิ่งที่น่าเจ็บปวดอีกอย่างคือกรรมการที่ประเมินการเลื่อนขั้นเงินเดือนก็เป็นครูอาวุโสที่สนิทกับ ผอ. สำหรับผมแล้ว มันยุติธรรมตรงไหนเมื่อกรรมการที่ประเมินเงินเดือนคนอื่น มีส่วนได้เสีย สามารถให้ขั้นเงินเดือนตัวเองได้ ผมไม่รู้หรอกนะว่าเขาหักเอาของผมไปให้ตัวเองหรือเปล่า แต่สิ่งที่สนับสนุนอย่างหนึ่งคือ
เขามีอายุเยอะสุดในโรงเรียนเป็นฝ่ายบุคคล และได้เลื่อนเงินเดือนเป็นลำดับที่ 1 ทุกรอบ!!! ชั่วโมงสอนก็น้อย เลือกสอนแค่วิชาเอกตัวเองวิชาเดียวในขณะที่ผมต้องสอนหลายวิชา แต่สิ่งที่เสียใจที่สุดคือการปฏิบัติต่อกันในวันสุดท้ายเช่นนี้
" คนเขียนย้ายใจไม่อยู่แล้ว ไม่อยากอยู่กับองค์กรนี้เเล้ว "
พูดเหมือนเราไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้ในวันที่ผ่านมา อันที่จริงการเขียนย้ายก็เป็นสิทธิของเรา เรามีบ้านให้กลับมีครอบครัวให้ดูแล ทำไมต้องเอาความจำเป็นของคนอื่นมาทิ่มแทงแบบนี้ เรื่องนี้ไม่เจอกับตัวไม่มีวันเข้าใจ
ก่อนนี้ผมคิดไว้แล้ว่า น่าจะได้สัก 2.5 ก็ยังพอรับได้ (ซึ่งปกติที่ รร. ให้ต่ำสุด คือ 2.7) เจอแบบนี้ กำลังใจทำงานมันหมด แล้วการประเมินเงินเดือนไม่ได้มองผลงานที่ผ่านมาใช่ไหม แต่มองไปที่อนาคตอย่างนั้นหรือเปล่า แล้วเราจะทำดีไปเพื่ออะไร ถ้าทำดีแล้วมันไม่ได้ดี
จบ
ภาพจากเฟซบุ๊กแฟนเพจ วันนั้นเมื่อฉันสอน
การประเมินแบบขั้นจะแกล้งกันไม่ได้ เปรียบเสมือนมีเค้ก 2 ถาดที่แยกจากกันเป็นอิสระต่อกัน ถ้าผู้บริหารรักใครคนไหนก็เอาเค้กชิ้นอื่นมาเพิ่มเติมให้ถาดที่ตัวเองชอบทำให้คนนั้นได้มาก ขณะที่อีกคนยังได้เท่าเดิม
แต่แบบเปอเซ็นต์มันแกล้งกันได้ เปรียบง่าย ๆ เหมือนตัดเค้ก ถ้าตัดชิ้นหนึ่งใหญ่ อีกชิ้นจะต้องเล็ก ไม่มีทางที่จะใหญ่ทั้งคู่เพราะเนื้อเค้กมันติดกัน
ดังนั้น ถ้าไม่ชอบใครก็กดให้เขาน้อยกว่าที่ควรจะเป็นได้ และมันจะแย่ขึ้นไปอีกถ้ากรรมการสามารถประเมินเงินเดือนให้คนอื่นได้ เขาก็เหมือนคนที่มีสิทธิตัดเค้ก แล้วถ้าตัดเค้กให้ตัวเองได้ใครมันจะไปตัดชิ้นเล็ก
ทางแก้ไขเมื่อแบบเปอเซ็นต์ถูกนำมาใช้เพื่อไม่ให้เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งควรมีกำหนดว่าไม่ให้ต่ำกว่าแบบเดิมแบบขั้น เช่นระบุว่าห้ามต่ำกว่า 2.5
ไม่ใช่อิสระตามใจผู้บริหารเช่นนี้ เพราะสุดท้ายมันกลายเป็นดาบสองคม
ที่ทำร้ายน้ำใจครูที่เขาไม่มีปากมีเสียง
แต่ในเมื่อมันเป็นแบบนี้มีคำถามง่าย ๆ ว่า ถ้าคุณไม่ได้เป็นเด็กนาย ถ้ามีคนไม่ดีอยู่ในองค์กร คุณอยากเลือกขั้นเงินเดือนแบบไหน ?
ระหว่าง ให้ผู้บริหารแบ่งเค้กในถาดเดียวกัน
กับ เรามีเค้กชิ้นหนึ่งอยู่ในมือแล้วให้เขาเติมเค้กในถาดที่เขาชอบ
ขอบคุณเนื้อหาและที่มาของข่าวจาก :: เฟซบุ๊กแฟนเพจ วันนั้นเมื่อฉันสอน วันที่ 23 พฤษภาคม 2564