รศ.ดร.ปกรณ์ ประจันบาน เสนอเป็นวาระเร่งด่วน! ให้ ก.ค.ศ.ทบทวนมติล่าสุด เรื่อง การนับหน่วยกิตสอบครูผู้ช่วย
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
เรียบเรียงโดยครูวันดีดอทคอม
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Pakorn Prachanban
วันนี้(30 เมษายน 2564) ที่เฟซบุ๊กส่วนตัวของ รองศาสตราจารย์ ดร.ปกรณ์ ประจันบาน อาจารย์ภาควิชาการศึกษา สาขาวิชาวิจัยและวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ในประเด็นข่าวที่ ก.ค.ศ.เห็นชอบ การปรับปรุงแนวปฏิบัติการนับหน่วยกิต กำหนดกรณีผู้สอบแข่งขันหรือผู้สมัครคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย
ข้อความอ้างจาก มติที่ประชุม ก.ค.ศ. เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2564 คือ
สืบเนื่องจากที่ ก.ค.ศ. ได้กำหนดแนวปฏิบัติการนับหน่วยกิต ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.6/ว 7 ลงวันที่ 18 เมษายน 2556 ระบุว่า “กรณีหลักฐานการศึกษามิได้ระบุสาขาวิชาเอกที่ศึกษาไว้ หรือระบุไว้แตกต่าง จากประกาศรับสมัคร ให้นับจำนวนหน่วยกิตจากรายวิชาที่ศึกษาตาม Transcript ทั้งหมด” ดังนี้
1) ผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หลักสูตร 4 ปี และหลักสูตร 5 ปี ต้องศึกษาเนื้อหาวิชานั้น ๆ ไม่น้อยกว่า 30 หน่วยกิต
2) ผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี 2 ปี หลักสูตรต่อเนื่อง ต้องศึกษาเนื้อหาวิชานั้น ๆ ในระดับปริญญาตรีไม่น้อยกว่า 20 หน่วยกิต และในระดับอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ได้ไม่เกิน 10 หน่วยกิต รวมแล้วไม่น้อยกว่า 30 หน่วยกิต
ก.ค.ศ. พิจารณาเห็นว่าแนวปฏิบัติดังกล่าว กำหนดให้ผู้สำเร็จการศึกษาที่มีคุณวุฒิและสาขาวิชาเอกแตกต่างจากการประกาศรับสมัคร สามารถนับจำนวนหน่วยกิตจากรายวิชาที่ศึกษาตาม Transcript ทั้งหมดได้ ทำให้ผู้สำเร็จการศึกษาทุกคุณวุฒิ ทุกสาขาวิชาที่ ก.ค.ศ. รับรอง สามารถนำหน่วยกิตในคุณวุฒิและหรือสาขาวิชาที่แตกต่างไป นำมาใช้สมัครเพื่อสอบแข่งขันหรือคัดเลือกได้ จึงส่งผลให้สถานศึกษาได้ครูในสาขาวิชาที่ไม่ตรงตามความจำเป็น และความต้องการอย่างแท้จริง ดังนั้น การนับหน่วยกิตควรใช้เฉพาะกรณีที่หลักฐานการศึกษาที่ผู้สมัครสอบแข่งขันหรือคัดเลือกนำมาใช้สมัคร ไม่ได้ระบุสาขาวิชาเอกที่ศึกษาไว้เท่านั้น ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ต้องการให้สถานศึกษาได้ครูตรงกับความจำเป็นและความต้องการของสถานศึกษาและเพื่อประโยชน์ต่อการจัดการศึกษาและการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน จึงเห็นชอบให้ปรับปรุงแนวปฏิบัติการนับหน่วยกิต จาก เดิม ที่กำหนดว่า “หากหลักฐานการศึกษามิได้ระบุสาขาวิชาเอกที่ศึกษาไว้ หรือระบุไว้แตกต่างจากประกาศรับสมัครให้นับจำนวนหน่วยกิตจากรายวิชาที่ศึกษาตาม Transcript ทั้งหมด” ปรับปรุงเป็น “กรณีหลักฐานการศึกษา ซึ่งผู้สมัครสอบแข่งขันหรือคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย นำมาใช้สมัครสอบแข่งขันหรือคัดเลือกมิได้ระบุสาขาวิชาเอกที่ศึกษาไว้ ให้ผู้ดำเนินการสอบแข่งขันหรือคัดเลือกพิจารณาและดำเนินการนับจำนวนหน่วยกิตรายวิชาที่ศึกษา ที่ตรงกับกลุ่มวิชา หรือทาง หรือสาขาวิชาเอกที่ประกาศรับสมัครจากหลักฐานการศึกษา (Transcript)” โดยสาระสำคัญของการนับหน่วยกิต 1) และ 2) ให้คงเดิม
โดยรองศาสตราจารย์ ดร.ปกรณ์ ประจันบาน ได้โพสต์เฟซบุ๊กไว้ดังนี้
สิ่งที่ได้ทำทันทีคือ...
เสนอเรื่องนี้เป็นวาระเร่งด่วนในที่ประชุมสภาคณบดีศึกษาศาสตร์/ครุศาสตร์แห่งประเทศไทยในวันนี้ เพื่อให้สภามีมติ ทำหนังสือเสนอต่อ ก.ค.ศ.ให้มีการทบทวนมติที่ประชุม ก.ค.ศ.ครั้งล่าสุด
#ผลประโยชน์ของนิสิตรอช้าไม่ได้
เสนอเรื่องนี้เป็นวาระเร่งด่วนในที่ประชุมสภาคณบดีศึกษาศาสตร์/ครุศาสตร์แห่งประเทศไทยในวันนี้ เพื่อให้สภามีมติ ทำหนังสือเสนอต่อ ก.ค.ศ.ให้มีการทบทวนมติที่ประชุม ก.ค.ศ.ครั้งล่าสุด
#ผลประโยชน์ของนิสิตรอช้าไม่ได้
คลิกที่นี่ เพื่ออ่านข้อความต้นฉบับจากเฟซบุ๊ก รองศาสตราจารย์ ดร.ปกรณ์ ประจันบาน