5 คำถาม จาก“ใบอนุญาต” สู่ “ใบรับรอง” หรือความหมายจะวิบัติในกฎหมายการศึกษา?
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก- ก+
๕ คำถาม จาก“ใบอนุญาต” สู่ “ใบรับรอง” หรือความหมายจะวิบัติในกฎหมายการศึกษา?รองศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ นพรัก
ประธานสภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย
ประธานที่ประชุมคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย
คณบดีวิทยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา
ผมจึงไม่มีวาสนาได้มี”ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู” เนื่องจาก”ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู” เริ่มมีขึ้นครั้งแรก ตามพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.๒๕๔๖
มาตรา ๔ ดังนี้
“ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา” หมายความว่า ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่น ซึ่งได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพตามพระราชบัญญัตินี้
“ใบอนุญาต” หมายความว่าใบอนุญาตประกอบวิชาชีพซึ่งออกให้ผู้ปฏิบัติงานในตําแหน่งครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามพระราชบัญญัตินี้
ครูจึงถูกกำหนดให้ต้องมี”ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู” ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๖ เป็นต้นมา
#คำว่า “อาชีพ”(occupation) หมายถึง รูปแบบการดำรงชีพในสังคมมนุษย์ปัจจุบัน อาชีพเป็นหน้าที่ของบุคคลในสังคม การที่บุคคลประกอบอาชีพจะได้มาซึ่งค่าตอบแทน หรือ รายได้ เพื่อใช้จ่ายในการดำรงชีวิต
##ผู้ประกอบ”วิชาชีพ”(profession) นอกจากต้องอาศัยวิชาความรู้ความชำนาญเฉพาะด้านแล้ว ยังต้องมีใบอนุญาต(license) มีจรรยาบรรณ (ethics)กำกับการประกอบวิชาชีพ โดยมีองค์กรหรือหน่วยงานกำกับควบคุมการประพฤติปฏิบัติตามจรรยาบรรณวิชาชีพด้วย
“ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ” เป็นใบอนุญาตให้สามารถประกอบวิชาชีพนั้น ๆ ตามสาขาที่เรียนมา โดยผู้ที่จะได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพจะต้องมีคุณสมบัติตามที่องค์กรออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพกำหนดไว้ ผู้ที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพจะไม่สามารถประกอบวิชาชีพนั้น ๆ ได้ ถ้าฝ่าฝืนจะมีโทษตามที่องค์กรวิชาชีพแต่ล่ะองค์กรกำหนดไว้
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพในประเทศไทย
ปัจจุบัน มีวิชาชีพที่ต้องมีใบอนุญาตเพื่อประกอบวิชาชีพ ดังนี้
* ใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ
* ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ออกโดย แพทยสภา
* ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรม ออกโดย ทันตแพทยสภา
* ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ ออกโดย สัตวแพทยสภา
* ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ออกโดย สภาเภสัชกรรม
* ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ออกโดย สภาการพยาบาล
* ใบอนุญาตผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ออกโดย สภาการแพทย์แผนไทย
* ใบอนุญาตผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ ออกโดย สภาการแพทย์แผนไทย
* ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ ออกโดย สภาเทคนิคการแพทย์
* ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพกายภาพบำบัด ออกโดยสภากายภาพบำบัด
* ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน ออกโดย สภาการสาธารณสุขชุมชน
* ใบอนุญาตให้เป็นทนายความ ออกโดย สภาทนายความ
* ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ออกโดย สภาวิศวกร
* ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม ออกโดย สภาสถาปนิก
* ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ออกโดย คุรุสภา
* ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม ออกโดย สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
* ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพบัญชี ออกโดย สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์
* ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสอบบัญชี ออกโดย สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์
* ใบประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ ออกโดย สภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์
ดังนั้น ครูในประเทศไทย จึงต้องมี”ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู” ที่ออกโดย”คุรุสภา”
(license; a permit from an authority to own or use something, do a particular thing, or carry on a trade (especially in alcoholic beverages)."a gun license")
“ใบรับรอง” (certificate) หมายถึง หนังสือรับรอง ใบสุทธิ เอกสารที่แสดงการรับรอง เช่น ใบรับรองแพทย์
(certificate; an official document attesting a certain fact.)
๑)พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
มาตรา 53 ให้มีองค์กรวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษามีฐานะเป็นองค์กรอิสระภายใต้การบริหารของสภาวิชาชีพ ในกำกับของกระทรวง มีอำนาจหน้าที่กำหนดมาตรฐานวิชาชีพ #ออกและเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ กำกับดูแลการปฏิบัติตามมาตรฐานและจรรยาบรรณของวิชาชีพ รวมทั้งการพัฒนาวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษาและผู้บริหารการศึกษา
ให้ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่นทั้งของรัฐและเอกชนต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพตามที่กฎหมายกำหนด
๒)พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.๒๕๔๖
มาตรา ๔ ในพระราชาบัญญัติฉบับนี้
“ใบอนุญาต” หมายความว่า “#ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ”ซึ่งออกให้ผู้ปฏิบัติงานในตำแหน่ง ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามพระราชบัญญัตินี้
(ร่าง)พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ....
หลักการ ปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ กำหนดดังนี้ครับ
มาตรา ๓๗ ครูซึ่งจัดกระบวนการเรียนรู้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง (๒) (๓) (๔) (๕) และ (๖) (ข) ต้องมี”#ใบรับรองการประกอบวิชาชีพครู”ความเป็นครู เว้นแต่ เป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและจัดกระบวนการเรียนรู้วิชาหนึ่งวิชาใดเป็นการเฉพาะตาม หลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กระทรวงศึกษาธิการกําหนด
###หมายเหตุ ข้อความใน(ร่าง)ปัจจุบัน มาจาก(ร่างเดิม)ที่กำหนดใช้”ใบรับรองความเป็นครู” เมื่อมีการวิพากษ์กันมาก ก็ปรับเปลี่ยนเป็น “ใบรับรองการประกอบวิชาชีพครู”
เปลี่ยนจาก”รับรองตัวครู” เป็น”รับรองการประกอบวิชาชีพครู”
###หากพิจารณาความหมาย จากคำถามที่ ๔ ที่ว่า”ใบอนุญาต” (license)แตกต่างกับ”ใบรับรอง” (certificate) อย่างไร?
จะสามารถตีความได้ว่า “ผู้ที่มีใบรับรองการประกอบวิชาชีพครู” คือผู้ที่เป็นครูแล้ว จึงมี#ใบรับรองการประกอบวิชาชีพครู” และใบรับรองฯที่ผมเข้าใจ คือ”บัตรประจำตัวข้าราชการครู”
ซึ่งมีความหมายแตกต่างกับ”ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู” นั่นคือ ผู้ที่จะเป็นครูได้ต้องมี”ใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพครู”ก่อน
(แม้แต่ผู้ที่เรียนจบวุฒิการศึกษาในหลักสูตรครูโดยตรง ก็ไม่สามารถเป็นครูได้ “ถ้าไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู”)
รองศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ นพรัก
ประธานสภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย
ประธานที่ประชุมคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย
คณบดีวิทยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา
รองศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ นพรัก
ประธานสภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย
ประธานที่ประชุมคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย
คณบดีวิทยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา
##ผมผู้ไม่เคยมี”ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู”
ต้องขอบคุณสถาบันผลิตครูที่หล่อหลอมผมมาให้ชอบตั้งคำถามเชิงปรัชญาเพื่อหาคำตอบ
ตั้งแต่ โรงเรียนฝึกหัดครูอุตรดิตถ์ (ป.กศ.) วิทยาลัยครูเทพสตรี (ป.กศ.สูง.) และวิทยาลัยวิชาการศึกษา ประสานมิตร (กศ.บ.) วิชาเอกภาษาอังกฤษ วิชาโทภาษาไทย
ผมยังยืนยันว่า “ใบรับรองการประกอบวิชาชีพครู” เป็นความวิบัติทางความหมายของ(ร่าง) พระราชบัญญัติการศึกษา พ.ศ.......ที่จะนำมาใช้ทดแทน”ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู”
###ของเก่าดีอยู่แล้ว ถ้าเปลี่ยนแปลงดีขึ้นก็จะสรรเสริญ
#####แต่เปลี่ยนแปลงแล้วเป็นความวิบัติทางความหมาย จะเปลี่ยนแปลงไปเพื่ออะไร? ไม่ทราบ?
ขอบคุณเนื้อหาและข้
อมูลข่าวจาก :: เฟซบุ๊กรองศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ นพรัก วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน 2564