แนวทางการสอน เรียนออนไลน์ ของเด็กที่โรงเรียน ครู และผู้ปกครองต้องรู้
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก- ก+
แนวทางการสอน เรียนออนไลน์ ของเด็กที่โรงเรียน ครู และผู้ปกครองต้องรู้ในช่วงสถานการณ์โควิด 19 ระบาดระลอกใหม่ เรียนออนไลน์ จึงต้องกลับนำมาใช้อีกครั้งเพื่อลดการแพร่เชื้อ การเตรียมการจึงสำคัญ ฉะนั้น โรงเรียน ครู และผู้ปกครอง ต้องรับมือให้ดี
การสอน เรียนออนไลน์ โดย ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย เป็นข้อเสนอแนะแนวทางการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ คำแนะนำทั่วไปสำหรับผู้ปกครอง ครู โรงเรียน ได้นำไปเตรียมการเพื่อให้เด็กๆ ได้เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพตามความเหมาะสมของแต่ละช่วงวัย
คำแนะนำทั่วไปสำหรับผู้ปกครอง
1. เปิดใจยอมรับว่าการ เรียนออนไลน์ ของลูกเป็นสิ่งจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส มองด้านดีว่าการเรียนออนไลน์อาจช่วยพัฒนาทักษะไอทีของลูก และช่วยให้ลูกไม่เสียโอกาสการเรียนรู้ ในขณะเดียวกันควรเตรียมใจว่าพ่อแม่ต้องเหนื่อยมากข้ึน เพราะต้องช่วยกำกับดูแล ช่วยครูสอน ช่วยลูกเรียน นั่นคือพ่อแม่ต้องเรียนไปพร้อมกันกับลูก
2. รีบแจ้งทางโรงเรียนและคุณครูประจำชั้นให้ทราบโดยเร็ว เมื่อมีข้อจำกัด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ที่ทำให้ไม่สามารถจัดเตรียมการเรียนออนไลน์ให้ลูกได้ เพื่อทางโรงเรียนจะได้ช่วยหาแนวทางอื่น ในการช่วยให้เด็กได้เรียน
3. เมื่อพร้อมให้ลูกเรียนออนไลน์ พ่อแม่ควรเรียนรู้วิธีการใช้เทคโนโลยี หรือแอปพลิเคชันต่างๆ ที่ลูกจำเป็นต้องใช้ ในการเรียนออนไลน์
4. จัดห้องหรือสถานที่ที่จะให้ลูกนั่งเรียนให้เหมาะสม ไม่มีเสียงรบกวน ไม่พลุกพล่าน ไม่มีสิ่งเร้าที่จะทำให้ลูกว่อกแว่ก หากเป็นไปได้แยกไม่ให้น้องมารบกวนพี่ หรือพี่ไปรบกวนน้อง ขอความร่วมมือผู้ใหญ่ในบ้านไม่ให้มาชวนคุย หรือคอยส่งน้ำส่งขนมระหว่างที่ลูกกำลังเรียน
5. จัดตารางเวลาสำหรับทำกิจวัตรประจำวัน เช่น ตื่นนอน รับประทานอาหาร พักผ่อน เล่น ออกกำลังกาย เข้านอน ฯลฯ ให้ใกล้เคียงกับตารางเวลาในช่วงปกติที่ลูกไปโรงเรียนเท่าที่เป็นไปได้
6. ศึกษาวิธีการตั้งค่าการควบคุมการใช้งานอินเทอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต (parental control) เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกแอบเข้าเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม เล่นเกม หรือดูยูทูประหว่างการเรียนออนไลน์
7. พูดคุยกับลูกถึงสิ่งที่ได้เรียนในแต่ละวัน ช่วยทบทวน ตรวจทานงานที่ได้รับมอบหมาย หรือการบ้าน
8. ผู้ใหญ่ในครอบครัวควรช่วยเหลือกัน อย่าผลักภาระในการช่วยลูก เรียนออนไลน์ ให้เป็นความรับผิดชอบของใครคนใดคนหน่ึง เพราะงานนี้เป็นงานที่หนัก ท้าทาย และกระตุ้นใหเ้กิดความเครียดได้ง่าย
9. อย่าละเลยการทำกิจกรรมออฟไลน์ร่วมกันกับลูก เช่น อ่านนิทาน ร้องเพลง เต้นรำ วาดรูป ทำงานศิลปะ ประดิษฐ์สิ่งของ ทำอาหาร ทำงานบ้าน ปลูกต้นไม้ เลี้ยงสัตว์ เป็นต้น ผู้ปกครองควรตระหนักว่าการเรียนรู้ของลูกๆ ยังสามารถเกิดขึ้นได้มากจากประสบการณ์ต่างๆ ในชีวิตที่ลูกได้สัมผัสในแต่ละวัน
10. ติดต่อกับผู้ปกครองของเพื่อนลูก และจัดให้มีกิจกรรมร่วมกันตั้งกลุ่มผู้ปกครองเพื่อช่วยเหลือกันในการจัดการเรียน การทำงาน เพราะหลายๆ ครอบครัวอาจประสบปัญหาเช่นเดียวกัน
11. ร่วมมือกับคุณครู ติดต่อพูดคุยกับคุณครูอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรับทราบเนื้อหาที่ลูกต้องเรียน งานที่ลูกต้องทำส่ง แผนการสอนของครู และสิ่งที่คุณครูต้องการให้ผู้ปกครองช่วย
12. บอกกับตัวเองให้ได้ว่าลูกไม่จำเป็นต้องได้ความรู้เต็มที่ หรือได้ทุกสิ่งทุกอย่างจากการเรียนออนไลน์ ทักษะอื่นๆ ที่จำเป็นต่อพัฒนาการของเด็กหลายอย่างไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากการเรียนออนไลน์เพียงอย่างเดียว พ่อแม่จึงไม่ควรจริงจัง เครียด หรือวิตกกังวลมากเกินไป การเรียนออนไลน์ โดยเฉพาะในเด็กเล็ก เป็นเพียงมาตรการเสริมชั่วคราว เมื่อโรงเรียนไม่สามารถเปิดการเรียนการสอนได้ตามปกติ
13. หมั่นสำรวจอารมณ์ และระดับความเครียดของตัวเอง พึงระลึกว่าหากพ่อแม่หงุดหงิด เครียด หรือใส่อารมณ์กับลูก ขณะกำกับลูกระหว่างที่เขากำลังเรียนออนไลน์ ย่อมไม่เป็นผลดีต่อการเรียนรู้ของเขา หากรู้ตัวว่าตัวเองอารมณ์ยังไม่พร้อม พ่อแม่ไม่ควรกดดันตัวเองให้ช่วยลูกเรียนออนไลน์ ความรู้ที่ลูกมีเพิ่มขึ้น อาจไม่คุ้มกับความสัมพันธ์อันดีระหว่างพ่อแม่ลูกที่จะเสียไป
ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: Spring News วันที่ 3 ม.ค. 2564 เวลา 14:11 น.