ศธ.รื้อระเบียบลงโทษนักเรียนปรับให้ทันสมัย
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก- ก+
ศธ.รื้อระเบียบลงโทษนักเรียนปรับให้ทันสมัย"อำนาจ" ถก แก้กฎระเบียบล้าหลังของสถานศึกษาที่กระทบต่อนักเรียนและนักศึกษา เตรียมรื้อระเบียบลงโทษนักเรียนปรับให้ทันสมัย หลังใช้มานาน 15 ปี...
มื่อวันที่ 2 ธ.ค.ดร.อำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ในฐานประธานคณะทำงานด้านกฎระเบียบล้าหลังของสถานศึกษาที่กระทบต่อนักเรียน นักศึกษา เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะทำงานด้านกฎระเบียบล้าหลังของสถานศึกษาที่กระทบต่อนักเรียน นักศึกษา เมื่อเร็วๆนี้นั้น ที่ประชุมได้หารือถึงเรื่องระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเรื่องการลงโทษนักเรียน พ.ศ.2548 ระบุโทษ ดังนี้ 1.ว่ากล่าวตักเตือน 2.ทำทัณฑ์บน 3. ตัดคะแนนความประพฤติ และ4.ทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งหากพิจารณาอย่างรอบด้านแล้วมองว่าระเบียบฉบับดังกล่าวไม่ได้เป็นการลงโทษที่รุนแรงหรือเกินกว่าเหตุ แต่ที่ผ่านมาการสื่อสารระเบียบฉบับดังกล่าวไปถึงโรงเรียนอาจเกิดจากผู้ปฏิบัติที่ยังไม่เข้าใจถึงระเบียบนี้เท่าที่ควร หรือผู้ปฏิบัติไม่ได้มีการนำระเบียบนี้มาใช้อย่างจริงจัง
เลขาธิการ สกศ.กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ระเบียบฉบับดังกล่าวก็ยังถือว่าต้องมีการปรับปรุงแก้ไขให้มีความทันสมัยมากขึ้น เพราะมีการใช้มานานแล้วตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งที่ประชุมจึงเห็นชอบให้มีการปรับแก้ไขระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเรื่องการลงโทษนักเรียน พ.ศ.2548 ให้มีความทันสมัยและเป็นปัจจุบันมากขึ้น โดยการปรับปรุงระเบียบฉบับนี้ไม่ได้มีสาระสำคัญอะไรมาก แต่ทำให้ระเบียบดังกล่าวมีความสมบูรณ์มากขึ้น เช่น การลงโทษจะต้องลงโทษกับกลุ่มเด็กที่มีพฤติกรรมแบบไหนอย่างไรบ้าง เป็นต้น ซึ่งระเบียบฉบับดังกล่าวเรามองว่าไม่ได้มีปัญหาแต่ปัญหาเกิดจากการปฏิบัติอีกแบบหนึ่งจึงต้องสร้างความเข้าใจระหว่างระเบียบและการปฏิบัติตัวของครู ดังนั้นเพื่อให้เกิดการยอมรับเกิดขึ้นภายในโรงเรียน ที่ประชุมจึงมีข้อเสนอให้โรงเรียนได้ออกระเบียบการลงโทษนักเรียนของโรงเรียนเอง โดยให้มีการเปิดรับฟังความเห็นจากนักเรียนและผู้ปกครอง รวมถึงคณะกรรมการสถานศึกษา นอกจากนี้ในการประชุมอีกครั้งวันที่ 9 ธ.ค.นี้จะมีการหารือถึงระเบียบว่าด้วยเรื่องการปกครองนักเรียน เพื่อให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก และการคำนึงถึงสิทธิเด็กให้มากขึ้น
ขอบคุณเนื้่อหาและข้อมูลข่าวจาก :: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 2 ธันวาคม 2563 เวลา 13.49 น.