นักวิชาการติงศธ.ปรับหลักสูตรขั้นพื้นฐาน
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
"สมพงษ์" ติง ศธ.ปรับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานล้าสมัย ไม่ควรนำหลักสูตรเก่ามาอัพเดทใหม่ แต่ควรปรับการเรียนรู้ของเด็กด้านเนื้อหาให้ลดลง เน้นการสร้างพลเมืองประชาธิปไตย
เมื่อวันที่ 29 ต.ค.ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ปรับโฉมหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 ว่า ศธ.ไม่ควรนำหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานของเดิมมาอัพเดทใหม่ ซึ่งถือเป็นการปรับแก้หลักสูตรไม่ตรงจุด เพราะเนื้อหาในหลักสูตรเก่านั้นอัดแน่นไปด้วยเนื้อหาของ 8 กลุ่มสาระวิชาหลักกว่า 20 วิชา โดยตนมองว่าศธ.ไม่ควรนำหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานฉบับเดิมมาใช้อีกต่อไปไม่ว่าจะนำมาอัพเดทใหม่ก็ตาม เพราะเป็นหลักสูตรที่ล้าสมัยส่งผลให้การเรียนในห้องเรียนน่าเบื่อไม่ตอบโจทย์การเรียนในโลกยุคปัจจุบัน และไม่สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง อีกทั้งหลักสูตรแบบเก่าทำให้ครูจำเป็นต้องเร่งสอนเ เพื่อให้เด็กท่องจำและนำไปสอบแข่งขัน ซึ่งถือว่าไม่ใช่การให้เด็กคิดวิเคราะห์เป็น
“ผมไม่เห็นด้วยกับการปรับหลักสูตรที่นำหลักสูตรของเดิมมาอัพเดทใหม่ ซึ่งอยากให้ศธ.มีการปรับหลักสูตรที่เน้นการปฎิบัติของเด็กให้มากขึ้น เช่น ภาคเช้าเรียนทฤษฎี ต่อจากนั้นภาคบ่ายเน้นการลงมือปฎิบัติให้เด็กคิดค้นโครงการด้วยตัวเองจากแหล่งเรียนรู้อื่นๆ เพราะโลกแห่งอนาคตเด็กจะเรียนรู้จากโลกออนไลน์มากขึ้น เหมือนเป็นการศึกษาที่ค้นหาความรู้ด้วยตัวเอง ซึ่งโรงเรียนจะต้องเป็นพื้นที่เสรีภาพให้เด็กแสดงออกได้อย่างเต็มที่ โดยให้ครูทำหน้าที่เพียงควบคุมกระบวนการเรียนรู้เท่านั้น เพราะหากทำได้จะเป็นการสร้างพลเมืองประชาธิปไตยอย่างแท้จริง อีกทั้งจะทำให้เพิ่มทักษะการคิดของเด็กไทยมากขึ้นตามไปด้วย ส่วนประเด็นที่มองว่าหลักสูตรฐานสมรรถนะที่นำร่องทดลองใช้ในระดับประถมศึกษาก่อนหน้านี้นั้นอาจไม่สามารถนำมาใช้ได้จริงนั้น ผมก็เห็นด้วยว่าหลักสูตรฐานสมรรถนะอาจนำมาใช้ได้บางส่วนเท่านั้น แต่ก็ไม่อยากให้ละทิ้งหลักสูตรฐานสมรรถนะทั้งหมด แต่สามารถนำมาเขย่ารวมเป็นหลักสูตรใหม่ได้ อย่างไรก็ตามผมมองว่าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานรูปแบบใหม่จะต้องมุ่งสร้างพลเมืองให้เป็นเป้าหมายของประเทศมากกว่า” ศ.ดร.สมพงษ์ กล่าว
ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม 2563 เวลา 05.16 น.