"ณัฏฐพล"ลั่นจากนี้ไม่มีครูคุกคามนร. จ่อปลดล็อคผม-ชุด
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก- ก+
"ณัฏฐพล"ลั่นจากนี้ไม่มีครูคุกคามนร. จ่อปลดล็อคผม-ชุด"ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ" ลั่นต่อจากนี้ไม่มีครูโรงเรียนไหนคุกคามนักเรียนแน่ รับปากปลอดล็อคเรื่องทรงผม-เครื่องแบบชุดนักเรียน
เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 19 ส.ค. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวภายหลังเจรจากับกลุ่มนักเรียนที่มาชุมนุมหน้าศธ.ว่า ตนพร้อมเปิดใจรับฟังปัญหาของนักเรียน และได้แสดงความจริงใจที่เดินไปหากลุ่มนักเรียนที่มาชุมนุมแม้ระหว่างทางจะถูกแรงยั่วยุ เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนมาแสดงความคิดเห็นร่วมกัน เพียงแต่ไม่ได้มีการพุดคุยกับกลุ่มแกนนำ ซึ่งประเด็นส่วนใหญ่ที่นักเรียนแสดงความคิดกับตนต้องการเรื่องการพัฒนาการศึกษา มากกว่าเรื่องการเมือง ตนยินดีที่เด็กๆใส่ใจอนาคตของตัวเอง ทั้งนี้จะมีการเปิดเวทีให้นักเรียนรับฟังผ่านกลไกสภานักเรียน รวมถึงกำลังหาแนวทางในการให้นักเรียนเสนอแนะความคิดเห็นได้โดยตรงกับตน ส่วนการร่วมรับฟังเวทีใหญ่กับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ตนพร้อมตลอดเวลาอยู่ที่แกนนำนักเรียนนักศึกษาจะที่จะความพร้อมที่จะมาพูดคุยหรือไม่
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า สำหรับข้อเรียกร้องนักเรียนส่วนใหญ่ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดีที่นักเรียนสนใจการศึกษาชาติ เช่น การเรียนการสอนภาษาอังกฤษให้เป็นภาษาที่สองใช้อย่างเป็นทางการ การตัดงบประมาณของศธ. การเรียนประวัติศาสตร์การเมืองของไทย 14 ตุลา 2516 เป็นต้น ดังนั้นประเด็นเหล่านี้ ดีใจที่สนใจอนาคตของตัวเอง และสิ่งเรียกร้องนี้ก็ไม่เกินความคาดหมาย หลายเรื่องที่เด็กๆเรียกร้องอยู่ในกระบวนการที่ ศธ.กำลังดำเนินการอยู่ รวมถึงสิทธิเด็กไม่ว่าจะเป็นการตัดผม การแต่งชุดนักเรียน การไว้ผมหน้าม้า ซึ่งตนรับจะไปปลดล็อคให้
“ผมขอให้สัญญากับนักเรียนว่า หลังจากนี้นักเรียนทุกคนที่แสดงออกทางการเมือง จะไม่มีครูหรือโรงเรียนไหนเข้ามาคุกคามนักเรียนอย่างแน่นอน แต่มีสิ่งที่ผมกังวลคือการสื่อสารจากผู้มีอำนาจตัดสินใจไปสู่หน่วยงานผู้ปฎิบัติ ยังไม่มีความชัดเจนเท่าที่ควร ซึ่งผมจะกำชับเรื่องนี้อีกรอบ และหาแนวทางแก้ไขที่เป็นรูปธรรมต่อไป” นายณัฏฐพล กล่าวและว่า ส่วนวิธีการที่เด็กเป่านกหวีดไล่ตนเหมือนในอดีตที่ตนเคยทำมานั้น ตนมองว่าเด็กได้เห็นวิธีการแบบนี้มาแล้ว หรือการชุมนุมการเมืองที่ฮ่องกง ก็รู้แล้วว่าไม่ได้ประสบความสำเร็จ แต่ถือว่าเป็นบทเรียนที่เด็กควรหาแนวทางใหม่ๆในการต่อสู่เพื่อประชาธิปไตย
ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันพุธที่ 19 สิงหาคม 2563 เวลา 20.45 น.