LASTEST NEWS

29 ก.ย. 2567(( รวมลิงก์ )) ประกาศผลการย้ายครู รอบที่ 2 ประจำปี พ.ศ.2567 ทุกจังหวัด ทุกเขตพื้นที่ฯ ทั่วประเทศ 29 ก.ย. 2567(( รวมลิงก์ )) ประกาศผลการย้ายครู รอบที่ 2 ประจำปี พ.ศ.2567 ทุกจังหวัด ทุกเขตพื้นที่ฯ ทั่วประเทศ (ต่อ) 29 ก.ย. 2567สพฐ. เร่งโยกย้ายครูให้เสร็จก่อน 1 ต.ค. พร้อมบรรจุแต่งตั้งแทนครูเกษียณ 28 ก.ย. 2567สั่งพักราชการ ผอ.สพม.สระแก้ว ปมประกาศผลสอบ ‘ครูเบญ’ ผิดพลาด 28 ก.ย. 2567สพป.เชียงใหม่ เขต 2 เผยอัตราว่างเรียกบรรจุครูผู้ช่วย 10 อัตรา 28 ก.ย. 2567 สพป.อุดรธานี เขต 2 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย 3 อัตรา - รายงานตัว 7 ตุลาคม 2567 28 ก.ย. 2567สพป.อุบลราชธานี เขต 1 ประกาศผลพิจารณาย้าย ข้าราชการครูฯ สายงานบริหารสถานศึกษา ประจำปี พ.ศ.2567 28 ก.ย. 2567สพป.กาฬสินธุ์ เขต 3 รับสมัครพนักงานราชการครู 3 อัตรา ตั้งแต่วันที่ 1 - 7 ตุลาคม 2567 27 ก.ย. 2567กรุงเทพมหานคร เรียกบรรจุครูผู้ช่วย 183 อัตรา รายงานตัวผ่านระบบออนไลน์ 17 ต.ค.2567 26 ก.ย. 2567ก.ค.ศ.เห็นชอบ ปรับปรุงการเข้าสู่ตำแหน่งสายงานบริหารสถานศึกษา ต้องเป็นรองผู้อำนวยการฯ มาก่อน และควรมีวิทยฐานะไม่ต่ำกว่าชำนาญการพิเศษ

แชร์ประสบการณ์ วิธีอ่านหนังสือสอบครูผู้ช่วย ให้สอบติดและได้บรรจุ ในลำดับ 1

  • 05 พ.ย. 2562 เวลา 01:58 น.
  • 42,991
แชร์ประสบการณ์ วิธีอ่านหนังสือสอบครูผู้ช่วย ให้สอบติดและได้บรรจุ ในลำดับ 1

นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ LINE it! - +

แชร์ประสบการณ์ วิธีอ่านหนังสือสอบครูผู้ช่วย อย่างไร ให้สอบบรรจุติด??

วิธีอ่านหนังสือสอบครูผู้ช่วย อย่างไร ให้สอบบรรจุติด???

สวัสดีครับ อยากสอบถามผู้มีประสบการณ์ สอบครูผู้ช่วยครับ 
  
- ควรเริ่มอ่านหนังสืออย่างไรดีครับ
- ควรอ่านหนังสือของสำนักไหนดีครับ
- ควรจัดตารางการอ่านหนังสืออย่างไร
- เทคนิคการอ่านหนังสือ
- และอื่นๆ ที่อยากแนะนำครับ

อยากได้คำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ในการสอบครับ
และก็มีสมาชิกหมายเลข 873193 เว็บไซต์พันทิป ได้แชร์ประสบการณ์การสอบครูผู้ช่วยไว้ดังนี้ครับ 

ส่วนตัว สอบบรรจุได้ลำดับที่ 1 รอบล่าสุดครับ เป็นการสอบครั้งแรก เอกภาษาอังกฤษ จังหวัดผมมีผู้สมัคร 96 คน รับ 1 ตำแหน่ง
มีเวลาอ่านหนังสือ รวมที่ได้อ่านจริง ๆ จัง ๆ 30 วันพอดีไม่ขาดไม่เกินครับ มีเวลาเตรียมตัวช้า เนื่องจากเพิ่งทราบว่าเอกผมไม่ต้องใช้ใบประกอบ
ไม่มีใบประกอบวิชาชีพ เนื่องจากกำลังศึกษาปริญญาบัตรวิชาชีพครู (ในตอนนั้น)

ควรเริ่มอ่านหนังสืออย่างไรดี

1. สิ่งที่ควรทำก่อนการเริ่มอ่านหนังสือคือ การหาความรู้และประสบการณ์จากผู้เคยสอบมาก่อน ผมไปหาทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้อง เราต้องไม่ถือตัว ผมอายุ 28 น้อง ๆ ที่เค้าบรรจุก่อนผมผมก็ไปถามครับ มีวิธีการอ่านอย่างไร ติวที่ไหน อ่านตรงไหนดี ควรจะเริ่มทำข้อสอบแบบไหน ทริคในการทำข้อสอบคืออะไร คุณต้องเปิดใจว่า เราคือรุ่นน้องทางราชการของคนที่สอบได้ก่อนทั้งหมด เพราะฉะนั้นต้องเรียนรู้จากคนทุกคนครับ

2. ผมเริ่มอ่านจะ พรบ. เล็ก ๆ ไปหา พรบ. ใหญ่ ๆ เช่น อ่าน พรบ คุ้มครองเด็ก อะไรประมาณนี้แหละครับที่เนื้อหาน้อยไปหาเนื้อหาหลัก เก็บให้หมด และต้องทำความเข้าใจ ถ้าคุณอ่านเพื่อจำ ไม่มีทางที่คุณจะสอบได้ครับ เพราะข้อสอบบรรจุ 90 % ถามความเข้าใจไม่ใช่ความจำ

3. การอ่านของผมจะจดไปด้วย ผมเชื่อว่าแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอ่านรอบเดียวจำได้ บางคนอ่านกี่รอบก็จำไม่ได้ เพราะฉะนั้นคุณต้องหาแนวทางในการจำของคุณให้ได้เอง เช่น โชคดีที่อ่านหนังสือแล้วจำได้ แต่ต้องมีตัวช่วย เช่น อ่านแล้วจด อ่านแล้วทำเป็นเพลง อ่านแล้วเขียนติดฝาหนัง ตอนผมอ่านหนังสือ สายตาผมชักเข้าชักออกเหมือนเลนกล้องเลยครับ คืออ่านจนมึนหัวไปหมด ต้องอ่านขนาดนั้นจริง ๆ

4. ควรคิดเสมอว่า ต้องใช้ความพยามครั้งเดียวให้ได้ อย่าปล่อยเวลาให้เลยว่า แล้วมาเสียใจที่หลัง รู้อย่างนี้อ่านก็ดี รู้อย่างนี้ไม่น่าเลย รู้อย่างนี้ไม่น่านอนเลย ..... ถ้าคุณจะเริ่มอ่านต้องอ่านจนกว่าน้ำตาคุณจะไหลให้ได้


ควรอ่านหนังสือของสำนักไหน
สำนักไหนก็ได้ครับ เพราะ พรบ ต่าง ๆ มันก็ตายตัวของมันอย่างนั้นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรครับ เนื้อหามันไม่หนีกันหรอกครับ แต่สิ่งที่สำคัญคือ คุณอ่านแล้วคุณต้องทำความเข้าใจ อย่าไปจำ จำคือส่วนหนึ่งที่จะนำไปใช้เพื่อการวิเคราะห์เท่านั้น เช่น อ่านเจอในหนังสือว่า ภาษาอังกฤษต้องเรียนอย่างน้อย ปีการศึกษาละ 200 ชั่วโมง แต่ข้อสอบถามว่า สัปดาห์ละกี่คาบ คนเอาแต่จำ 200 ชั่วโมง ตายครับ อย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นจะอ่านเล่มไหน สำหรับผมไม่สำคัญเท่ากับการทำความเข้าใจ ถ้าคุณเข้าใจ คนออกข้อสอบจะไม่สามารถหาอะไรมาหรอกคุณได้ครับ
แนะนำเพิ่มเติมเรื่องการติว ถามว่าจำเป็นไหม ถ้าคิดว่าไปเพื่อเอาความรู้ เอาทริค เอาตัวอย่างในการทำข้อสอบก็ไปได้ครับ ผมก็ติว แต่จะไปยึดเป็นสารณะไม่ได้ครับ เพราะทุกสิ่งที่อย่างล้วนเกิดจากตัวเราล้วน ๆ มีเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ผมหลายคน ที่ไม่ได้ไปติวสักที่ก็สอบติดครับ

ควรจัดตารางการอ่านหนังสืออย่างไร
ส่วนตัวผมที่ใช้คือ 03.00 - 06.00 น. อ่านหนังสือ 07.00 - 11.30 น. อ่านหนังสือ 13.00 - 16.30 น อ่านหนังสือ 18.00 - 23.00 น. อ่านหนังสือ ตามนี้ครับ ผมจะนอนกลางวันตอน 12.00-13.00 นอกนั้นเวลาที่ไม่ได้ระบุ อย่าคิดว่าผมหลับหรือเล่นนะครับ นั้นคือเวลาที่ผมทำกิจวัตรประจำวัน เล่นกีฬา แต่ที่สำคัญคือ หูผมฟังตลอด หมายว่า ในมือถือผมจะมีคลิปเสียงการติว ติดหูอยู่ตลอดเวลา โดยใช้ทฤษฏีอะไรที่เข้าหูบ่อย ๆ จะจำได้โดยที่เราไม่ตั้งใจ เช่น เพลงที่เราชอบไงครับ ไม่ได้ตั้งใจฟังแต่ทำไม่ร้องได้ ผมทำอย่างนี้ทุกวันครับเป็นเวลา 1 เดือน โดยคิดเสมอว่า เวลาที่เรานอน 1 ชั่วโมง คนอื่นเค้าอ่านไป 1 บท เวลาที่เราเสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระ 30 นาที คนอื่นอ่านไป 20 หน้า

ถามว่า เวลาที่ว่ามาอ่านได้ทั่งหมดในหนังสือไม่ ไม่เลยครับ บางทีผมก็ท้อ ก็เครียด ผมใช้วิธี ถ้าขี้เกียจอ่านหลักการ ให้ไปอ่านความรู้รอบตัวครับ เพื่อพักสมอง เช่น ต้นไม้ ร.10 ต้นอะไร, active learning คืออะไร ประมาณนี้ครับ เพื่อให้ผ่อนคลายสมอง

ที่สำคัญคุณต้องรู้ว่า คุณจะอ่านอะไร ไมใช่ว่า อ่าน พรบ. 10 ไม่เอาละ เบื่อ โยนทิ้ง อ่าน วิชาชีพ 3 หน้า ไม่สนุกเลย ไปอ่านอย่าอื่นดีกว่า อย่างนี้ไม่ประสบความสำเร็จแน่นอนครับ คุณต้องรู้ว่าคุณอ่านอะไร อ่านไปทำไม เข้าใจแล้วหรือยัง อธิบายได้ไหม รู้ถึงไหนแล้ว แง่มุมสะท้อนกลับ มุมกลับหัว มุมกลับด้าน คุณรู้ไหม ถ้าคุณเป็นคนออกข้อสอบคุณจะเล่นกับข้อนี้อย่างไร คือมันต้องรู้ทุกด้านจริง ๆ ครับ


เทคนิคในการอ่านหนังสือ
หลักการของผมคือ ผมจะต้องรู้ตัวเสมอว่า ผมอ่านอะไรอยู่ อ่าน ภาค ก. วิชาอะไร อ่าน ภาค ข. วิชาอะไร อย่าเอาภาค พรบ กับ ภาค วิชาการศึกษาไปปะปน สะเปะสะปะ อ่านวกไปวนมา อ่านให้จบเป็นเรื่อง ๆ แล้วตีความหมาย ดูความเข้าใจ อ่านแล้วจด อ่านแล้วบันทึกทั้งตัวอักษร และเสียงเอาไว้ฟัง

เทคนิคที่ผมบอกคนอื่นเสมอที่อยากสอบติด เนื่องจากผมเป็นคนที่ สอบครั้งแรก ครั้งเดียว และได้ที่หนึ่งเลย เพราะฉะนั้นคนจะมาถามเยอะ คือ
ห้องผมจะติดกระจกเงา และมีกระดานส่วนตัวในห้องหนึ่งอัน ผมจะเป็นคนแสดงบทบาทสมมติเป็นติวเตอร์ ที่ติวตัวเอง สอนตัวเองครับ
เนื่องจากผมสังเกตุมาเสมอว่า คนที่เค้ามาติวเราเค้าจำได้อย่างไร ข้อมูลตั้งเยอะแต่ สรุปคือ เค้าเข้าใจ เค้าได้ยินทุกวัน เค้าอยู่กับมันทุกวันเข้าหู เข้าสมองเค้าทุกวัน เค้าถึงรู้ เพราะฉะนั้น ผมจะอ่านหนังสือเสียงดังเสมอ และตอนอ่านหนังสือใส่หูฟังด้วย เนื่องจากเสียงมันจะก้องในสมองเรา

ผมจะอ่านเพื่อสอนตัวเอง คุยกับตัวเอง " ใช่ไหมน้อง"  "ทำไมถึงเป็นแบบนี้" "ไอ้น้องตอบพี่ดิ ตรงนี้มีหลักการอะไรบ้าง" ซึ่งแม่บอกว่า เหมือนคนบ้าที่คุยกับตัวเอง ซึ่งผมเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ครับ ผมสวมบทติวเตอร์ให้กับตัวเองเพื่อสอนตัวเอง เราจะได้เข้าใจไปในตัว



อื่น ๆ ที่อยากแนะนำ
เทคนิคส่วนตัว รวมถึงแรงบันดาลใจ แรงขับเคลื่อน ทัศนะคติผมเป็นแบบนี้ครับ
1. ผมจะบอกตัวเองเสมอว่าต้องทำให้พ่อแม่ ภูมิใจในตัวผมให้ได้
2. ผมจะบอกตัวเองเสมอว่า เพื่อคนที่รัก เพื่อคนที่รัก เพื่อคนที่รัก ทุกครั้งก่อนอ่านหนังสือ
3. ผมจะทวนตัวเองก่อนกาข้อสอบเสมอว่า เพื่อพ่อ เพื่อแม่ เพื่อแผ่นดิน เพื่อคนที่รัก ก่อนกาข้อสอบในห้องสอบ หายใจเข้าลึก ๆ ในรู้ว่า ตัวคุณอยู่ที่ไหน ทำอะไร ทำเพื่ออะไร
4. อาจจะฟังดูพระเอก แต่ผมบอกตัวเองเสมอว่า ผมจะยินดีกับคนที่สอบได้ ที่ได้มีโอกาสเข้าไปทดแทนคุณแผ่นดิน และผมก็คิดแบบนั้นจริง ๆ
5. อ่านหนังสือให้ร้องไห้ให้ได้ วันสุดท้ายก่อนสอบ ขนาดผมอ่านหนังสือหนัก ระหว่างที่อ่านหนังสืออยู่ อยู่ ๆ น้ำตาก็ไหลออกมา มันไม่คำอธิบาย ทำไมชีวิตเราต้องเหนื่อยขนาดนี้ ทำไมต้องกดดันขนาดนี้ ทำไมต้องยากขนาดนี้
6. ผมไม่บนอะไรทั้งนั้น เนื่องจาก คนที่ดี เก่ง และมีอุดมการณ์และแรงขับเคลื่อนที่ดีเท่านั้นที่จะได้ตอบแทนคุณประเทศชาติ คุณแผ่นดิน
7. ในช่วงเวลาที่ผมท้อ ผมมักจะดู โฆษณาอันหนึ่งคือ โฆษณา ไมโล ที่ลูกชายจะแต่งงานและจากแม่ไป มันมีช่วงหนึ่งที่ ลูกขับรถออกจากบ้าน แล้วมองกระจกหลังจะเป็นแม่ มองลูกจนหลับสายตา มันย้ำเตือนเสมอว่า แม่รออยู่ แม่รออยู่ แม่รออยู่ ผมจะร้องไห้ทุกครั้งที่ดูโฆษณานี้ ไม่ว่าจะง่วงแค่ไหน ตาผมจะแจ้งและพร้อมที่จะกลับมาอ่านหนังสือต่อ
8.อย่ายิ่ง ยโส จองหอง กับคนที่ได้ก่อนเรา ไปตักตวงจากเค้าให้ได้เยอะที่สุด อย่ามั่นใจในตัวเอง เข้าหาเค้า ขอข้อมูล ข้อเทคนิค การทำสิ่งนี้ช่วยเราได้เยอะมากครับ
9.มีสติเสมอว่าทำอะไรอยู่ ในการอ่านหนังสือ ไม่ใช่อ่านแล้วจิตใจคิดไปที่อื่น เพราะฉะนั้นหลักการอ่านหนังสือทำตามนั้นที่บอก อาจจะดีสำหรับคุณ
10.เมื่อไม่มีชื่อ ผมคิดเสมอตอนประกาศชื่อว่า กุจะลุกมาอ่านหนังสือทันที ที่รู้ว่ากุไม่มีชื่อ อย่ายอมแพ้อะไรง่าย ๆ
11.อย่าไปเสียเวลาในการนั่งทำข้อสอบเก่า มันไม่ออกซ้ำหรอกครับ ถ้าคุณทำข้อสอบเก่ามันจะกลายเป็นความจำ ทำได้ แต่อย่ามาก เอาเวลาไปอ่านหนังสือ คิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ เป็นความรู้ของเราดีกว่าครับ
12. อย่าทิ้งวิชาที่ไม่ชอบ นี่แหละที่จะทำให้คุณสอบติด เช่น ผมเกลียดคณิตศาสตร์มากครับ ขั้นเกลียดเลย แต่ผมไปติวคณิตกับพี่เอกคณิตทุกวันวันละ 2 ชม เพราะถ้าเอกอังกฤษทุกคนทิ้งคณิต แล้วเราทำได้ นั้นหมายความว่าคุณเพิ่มโอกาสให้กับตนเอง  

สุดท้าย นาบุญใด ๆ ที่ยิ่งใหญ่ในโลก ส่วนมาจากความเสียสละและความพากเพียร
เหตุผลเดียวที่เรา ทำไม่ได้ คือ เราไม่ได้พยามทำมันมากพอ

ขอให้คุณโชคดีครับ มาร่วมกันพัฒนาแผ่นดินของเราต่อไปครับ

อ่านลิงก์ต้นฉบับได้ที่ https://pantip.com/topic/36748278
  • 05 พ.ย. 2562 เวลา 01:58 น.
  • 42,991

TAGS ที่เกี่ยวข้อง >>

^