LASTEST NEWS

28 ก.ย. 2567(( รวมลิงก์ )) ประกาศผลการย้ายครู รอบที่ 2 ประจำปี พ.ศ.2567 ทุกจังหวัด ทุกเขตพื้นที่ฯ ทั่วประเทศ (ต่อ) 27 ก.ย. 2567(( รวมลิงก์ )) ประกาศผลการย้ายครู รอบที่ 2 ประจำปี พ.ศ.2567 ทุกจังหวัด ทุกเขตพื้นที่ฯ ทั่วประเทศ 27 ก.ย. 2567กรุงเทพมหานคร เรียกบรรจุครูผู้ช่วย 183 อัตรา รายงานตัวผ่านระบบออนไลน์ 17 ต.ค.2567 26 ก.ย. 2567ก.ค.ศ.เห็นชอบ ปรับปรุงการเข้าสู่ตำแหน่งสายงานบริหารสถานศึกษา ต้องเป็นรองผู้อำนวยการฯ มาก่อน และควรมีวิทยฐานะไม่ต่ำกว่าชำนาญการพิเศษ 26 ก.ย. 2567ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 9/2567 25 ก.ย. 2567สพม.นนทบุรี เรียกบรรจุครูผู้ช่วย รอบที่ 13 (บัญชีปี 2566) จำนวน 9 วิชาเอก จำนวน 24 อัตรา - รายงานตัว 2 ต.ค.2567 25 ก.ย. 2567ลิงก์ประกาศผลสอบ ประกาศรายชื่อผู้สอบผ่านเข้าค่าย 1 โครงการส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการ สอวน. ประจำปีการศึกษา 2567 วันที่ 25 กันยายน 2567 เวลา 16.00 น.  25 ก.ย. 2567สพฐ.มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ ศธ 04009/ว 6005 ลงวันที่ 24 กันยายน 2567 เรื่อง การจัดสรรอัตราจ้างผู้ปฏิบัติงานให้ราชการ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 24 ก.ย. 2567โรงเรียนวัดสุทธิวราราม รับสมัครครูอัตราจ้าง วิชาแนะแนว เงินเดือน 15,000.-บาท ตั้งแต่บัดนี้ - 28 ตุลาคม 2567 24 ก.ย. 2567โรงเรียนวัดเขาดิน รับสมัครครูอัตราจ้าง 4 อัตรา เงินเดือน 15,000.-บาท ตั้งแต่บัดนี้ - 25 กันยายน พ.ศ.2567 (ไม่เว้นวันหยุดราชการ)

ข้าราชการเจ้าชู้ มีสิทธิ์โดนไล่ออก?

  • 28 พ.ค. 2562 เวลา 14:21 น.
  • 44,565
ข้าราชการเจ้าชู้ มีสิทธิ์โดนไล่ออก?

นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ LINE it! - +

ข้าราชการเจ้าชู้ มีสิทธิ์โดนไล่ออก?

สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ สัปดาห์นี้มีเรื่องที่น่าสนใจที่อยากจะหยิบยกมาวิเคราะห์ในเชิงกฎหมายหลายเรื่อง มีทั้งกฎหมายใหม่ๆ ที่ออกมาบังคับใช้หลายฉบับ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งครับ ที่เชื่อว่าสะเทือนใจผู้หญิงหลายท่าน เกี่ยวกับข่าวที่ครูสาวท่านหนึ่งแอบคบหากับผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง นับ 10 ปี ในขณะที่ผู้อำนวยการมีภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว ครูสาวท่านนี้ บูชาคำว่า “รัก” ยอมตัดผมสั้น ยอมทำตัวเป็นทอม เพื่อตบตาบุคคลทั่วไป ไม่ให้ระแวงสงสัยว่า ครูสาวกับผู้อำนวยการโรงเรียนมีความสัมพันธ์ในเชิงชู้สาว สุดท้ายถูกผู้อำนวยการกลั่นแกล้งสารพัด เพื่อให้ลาออกจากราชการครู ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งต้องรอผลชี้ขาดอย่างเป็นทางการอีกครั้ง 

จากเนื้อหาของข่าวมีประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับการพิจารณาพยานหลักฐานหรือการดำเนินการทางวินัยข้าราชการที่มีพฤติการณ์ไม่เหมาะสม วันนี้ขอนำคดีที่เกิดขึ้นจริง 2 คดี มาให้ท่านผู้อ่านได้ศึกษา ซึ่งทั้ง 2 คดีศาลปกครองสูงสุดได้มีคำวินิจฉัยว่า คำสั่งปลดออกจากข้าราชการนั้นเหมาะสมกับความผิดแล้ว

คดีแรก ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า เมื่อพยานไม่มีเหตุโกรธเคืองหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าจะ ให้การปรักปรำนางสมหญิง (ผู้ฟ้องคดี) และคำส่ังลงโทษทางวินัยไม่จำต้องปรากฏพยานหลักฐานจนปราศจาก ข้อสงสัยเหมือนการลงโทษทางอาญา ทั้งการดำเนินการทางวินัยและการดำเนินคดีอาญามีหลักเกณฑ์ วิธีการ สอบสวน และการลงโทษไว้เป็นการเฉพาะแยกจากกันคนละส่วน และกฎหมายบัญญัติให้ดำเนินการทางวินัยได้ โดยไม่ต้องรอฟังผลคดีอาญา

เมื่อนางสมหญิงมีพฤติการณ์อยู่อาศัยในบ้านร่วมกันสองต่อสองกับนายเสือจนตลอดข้ามคืน ย่อม อนุมานได้ว่ามีความสัมพันธ์พิเศษต่อกัน การที่นางสมหญิงประพฤติตนไม่เหมาะสมเป็นเหตุให้บุคคลอื่นติฉินว่า มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามีของผู้อื่น จึงเป็นการไม่รักษาช่ือเสียงและเกียรติศักดิ์ของหน้าที่ราชการและผิด ศีลธรรม อันถือว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามมาตรา 94 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 (เทียบเคียงได้กับมาตรา 85 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ ข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551) ดังนั้น คำส่ังลงโทษปลดออกจากราชการจึงเหมาะสมกับความผิด (คำพิพากษา ศาลปกครองสูงสุดที่ อ. 546/2560)

คดีที่สอง ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า เมื่อผลสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนสรุปว่า ผู้ฟ้องคดี มีพฤติกรรมความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับผู้ใต้บังคับบัญชา แม้จะไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าถึงขั้นมีความสัมพันธ์ทางเพศ หรือไม่ แต่การยอมลงชื่อรับสารภาพเกี่ยวกับความสัมพันธ์ฉันชู้สาวของผู้ฟ้องคดีต่อหน้านายกเทศมนตรี และจากถ้อยคำพยานถึงพฤติกรรมของผู้ฟ้องคดีกับผู้ใต้บังคับบัญชาในระยะเวลา 10 เดือนที่มีการพูดโทรศัพท์ ติดต่อกันทั้งกลางวันและกลางคืน การไปพักในห้องเดียวกันหรือไม่ก็ตาม ทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัดของทั้งคู่ และจากถ้อยคำพยานเพื่อนร่วมงานผู้หญิงในที่ทางานหลายปาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมของผู้ฟ้องคดีที่ไม่น่า ไว้วางใจในเรื่องชู้สาว และแม้จะอ้างว่าขณะเกิดเหตุพิพาทครอบครัวของทั้งสองฝ่ายอยู่ด้วยกันเป็นปกติสุข ก็ไม่อาจ นำมาอ้างให้ผู้ฟ้องคดีพ้นจากความผิดไปได้ เพราะผู้ฟ้องคดีในฐานะพนักงานเทศบาลต้องรักษาชื่อเสียงของตน และ รักษาเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งข้าราชการของตนมิให้เสื่อมเสีย โดยไม่กระทำการใดๆ อันได้ชื่อว่าประพฤติชั่ว ตามข้อ 19 ของประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาล เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษ ทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 1 มีนาคม 2545 



เมื่อผู้ฟ้องคดีมีพฤติกรรมฉันชู้สาวกับหญิง ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีคู่สมรสตามกฎหมายอยู่แล้ว แม้จะไม่มีพยานหลักฐานชัดเจนว่ามีความสัมพันธ์ทางเพศก็ตาม แต่การดำเนินการทางวินัยไม่จำเป็นต้องพิสูจน์โดย ปราศจากข้อสงสัยถึงการกระทำความผิดดังเช่นในคดีอาญาจึงจะถือว่าเป็นความผิดวินัย ผู้ฟ้องคดีจึงเป็นผู้กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อบ. 41/2561) 

จากคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดทั้งสองฉบับจะเห็นได้ว่าในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติกรรมฉันชู้สาว ไม่จำเป็นต้องมีพยานหลักฐานอย่างชัดเจน โดยปราศจากข้อสงสัยว่ามีความสัมพันธ์ทางเพศจริง ดังเช่นการพิสูจน์ข้อเท็จจริงในคดีอาญา หากแต่สามารถนำพยานหลักฐานหลายๆ อย่าง มาประกอบกัน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความผิดปกติ หรือความสัมพันธ์ที่มากกว่าเพื่อนร่วมงาน ก็สามารถลงโทษทางวินัยข้าราชการได้โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว

สุดท้ายนี้ ข้าราชการจะต้องรักษาชื่อเสียงของตน และรักษาเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งข้าราชการของตนมิให้เสื่อมเสีย โดยไม่กระทำการใดๆ อันได้ชื่อว่าประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง มิฉะนั้น อาจจะถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงจนนำไปสู่การถูกไล่ออกได้ 

สำหรับท่านที่มีคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายและต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องราวดีๆ อยากแบ่งปันประสบการณ์ เมลมาหาผมได้ที่ “คุยกับคนดัง” talktoceleb@trendvg3.com ได้เลยครับ Facebook: ทนายเจมส์

ขอบคุณเนื้อหาและที่มาของข่าวจาก ::  หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ โดย ทนายเจมส์28 พ.ค. 2562 05:01 น.
  • 28 พ.ค. 2562 เวลา 14:21 น.
  • 44,565

TAGS ที่เกี่ยวข้อง >>

^