‘บิ๊กสพฐ.’รอด! ผลสอบทุจริตครุภัณฑ์‘ซี 8’ผิดชัดสอดไส้เอกสาร ฟันแน่ทั้งวินัย-อาญา
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
7 มี.ค.62 นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยภายหลังหารือกับ พล.อ.โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ว่า เมื่อเร็วๆนี้นายอรรถพล ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงงบจัดซื้อครุภัณฑ์ฝึกทักษะมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 279 ล้านบาทของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้รายงานผลการตรวจสอบฯให้ตนรับทราบแล้ว
ทั้งนี้ พบว่าในส่วนของนายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) และนายณรงค์ แผ้วพลสง ผู้ตรวจราชการ ศธ. อดีตรองเลขาธิการ กพฐ. ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะไม่ได้สั่งให้ดำเนินการ แต่มีข้าราชการระดับล่าง ตั้งแต่ระดับ 8 ลงมาที่พบว่ามีความผิดและเข้าไปเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ข้าราชการระดับ 8 ที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ยังเคยเป็นอดีตรองผู้อำนวยการสำนักบริหารงานการมัธยมศึกษาตอนปลาย สพฐ. ซึ่งเข้าไปเกี่ยวข้องกับกรณีการทุจริตในการจัดซื้อครุภัณฑ์ในปี 2559 ขณะนี้นายบุญรักษ์ ได้ใช้มาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในระบบราชการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งย้ายไปปฏิบัติหน้าที่อื่นแล้ว แต่ยังไม่ได้สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งตรงนี้ต้องไปถามนายบุญรักษ์ว่าทำไม
“เรื่องนี้มีการทุจริตแน่ แต่อยู่ในระดับปฏิบัติตั้งแต่ระดับ 8 ลงมา ส่วนระดับนโยบายไม่ได้ปฏิบัติขัดกับนโยบายรัฐมนตรี เพราะเลขาธิการ กพฐ. และรองเลขาธิการ กพฐ. ไม่ได้สั่งให้ทำ จริงๆขอให้ยกเลิกโครงการด้วยซ้ำ ส่วนที่มีลายเซ็นของนายณรงค์ สั่งให้จัดสรรงบประมาณดังกล่าวนั้น พยานบอกว่าเป็นการเซ็นไว้นานแล้ว เพื่อเตรียมตัวไว้ก่อน หากฝ่ายนโยบายสั่งการไปให้จัดงบฯก็จะได้ทำทันที ไม่ได้เซ็นในวันที่ผมสั่งห้าม แต่ระดับล่างสอดไส้เรื่องขึ้นมา ซึ่งจะต้องถูกลงโทษทั้งทางวินัย และอาญา ส่วนนายณรงค์ ซึ่งถูกย้ายออกจากตำแหน่งรองเลขาธิการ กพฐ. ไปแล้ว คงไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะตำแหน่งรองเลขาธิการ กพฐ. ขณะนี้ครบหมดแล้ว และตำแหน่งของนายณรงค์ ก็ถือว่าเป็นข้าราชการระดับ 10 เช่นเดียวกัน” นพ.ธีระเกียรติ กล่าว
นพ.ธีระเกียรติ กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีคำถามว่าเป็นไปได้อย่างไรที่การจะอนุมัติเงินตั้ง 279 ล้านบาท แต่ผู้บริหารสพฐ.จะไม่รู้เรื่องนั้น เพราะงบนี้กระจายลงไประดับล่าง มีการไปตกลงกับผู้ค้า แค่เตรียมการเหมือนอย่างที่เคยมีคนพูดว่าผู้ขายรู้ก่อนผู้ซื้อว่าใครจะได้ แต่เงินยังไม่ได้เบิก ยังไม่สำเร็จ จึงยังไม่เกิดความเสียหาย ตนยืนยันว่าข้อสรุปนี้ไม่ใช่มวยล้ม มีการตรวจสอบและติดตามมาโดยตลอด
“ทำดีมาตลอดคงไม่มาล้มในเรื่องแบบนี้ เพราะหลักฐานต้องมี ไม่ใช่มาปรักปรำ ซึ่งขณะนี้ใกล้ที่ผมจะลงจากตำแหน่งแล้ว จึงต้องมาทบทวนเรื่องเกี่ยวกับทุจริตว่าตรงไหนที่ต้องเร่งทำ และตรงไหนที่ต้องตามดำเนินการให้เสร็จ ขณะนี้กำลังรวบรวมอยู่ หลังเลือกตั้งแล้วผมไม่เกรงใจใครจะเดินหน้าให้เร็วกว่านี้ ช่วงนี้พูดอะไรไปก็ต้องระมัดระวัง เดี๋ยวจะนำไปเป็นประเด็นทางการเมืองอีก เพราะเดี๋ยวคนที่ดิ้นอยู่ก็จ้องจะใช้ตรงนี้มาเป็นประเด็นทางการเมือง ดังนั้นช่วงนี้อย่าไปเคลื่อนไหวอะไร” รมว.ศธ. กล่าว
ด้านนายอรรถพล กล่าวว่า การตรวจสอบเรื่องนี้มีคณะกรรมการตรวจสอบ ทั้งหมด 2 ชุด คือ ชุดของสพฐ. ที่มีนายสนิท แย้มเกสร รองเลขาธิการ กพฐ. เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบ และชุดตรวจสอบระดับนโยบาย ที่มีตนเป็นประธาน ซึ่งในส่วนของ สพฐ. ก็ต้องไปลงรายละเอียด เพราะมีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก ส่วนจะสรุปว่าใครทำอะไร และต้องสอบวินัยร้ายแรงหรือไม่ต้องถาม สพฐ. ส่วนคณะกรรมการตรวจสอบที่ตนเป็นประธานนั้น พบว่าหลักฐานต่างๆที่มียังเบา ไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงชัดว่าไม่ปฏิบัติตามนโยบาย
ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันพฤหัสบดี ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2562, 14.12 น.