เข้มรับนักเรียน ม.1 ม.4 ขจัดหาประโยชน์-เด็กฝาก ม.3 โรงเรียนเดิมขึ้น ม.4 ได้หมด
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
มติคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สั่งแก้หลักเกณฑ์การรับนักเรียนปี 62 หวังล้างบางแป๊ะเจี๊ยะให้สิ้นซาก เผยโละเงื่อนไขพิเศษเด็กฝากผู้มีอุปการคุณ โควตาของโรงเรียนคู่สัญญา และคะแนนสอบเท่ากันลำดับสุดท้าย แต่ให้คงโควตาเด็กผู้บริจาคที่ดินสร้างโรงเรียน เด็กยากจน และลูกครูไว้ จี้ตรวจคุณสมบัติเด็กที่จะเข้าเรียนในเขตพื้นที่บริการ ห้ามขาดแอบย้ายเข้าทะเบียนบ้านเพื่อใช้สิทธิ์ ตรวจสอบเจออ่วมทั้งให้ออกแถมคดีอาญาฐานแจ้งข้อมูลเท็จ ขณะเดียวกัน ยังกำหนดสัดส่วนรับเด็กใน-นอกพื้นที่บริการ 60:40 และบังคับโรงเรียนรับเด็ก ม.3 เรียนต่อทุกคน
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 8 ก.พ. ที่สำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีการประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เพื่อพิจารณาปรับแก้ประกาศ เรื่องนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียน สังกัด สพฐ. ปีการศึกษา 2562 ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรื่องมาตรการป้องกันการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษาสังกัด สพฐ. ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เสนอ ทั้งนี้ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ได้มอบนโยบายให้ นายเอกชัย กี่สุขพันธ์ ประธาน กพฐ.คนใหม่ เพื่อให้การทำงานระหว่าง กพฐ.และ สพฐ. เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนมาตรการ ป.ป.ช. เสนอเป็นเรื่องดี แต่บางประเด็นที่ตนได้รายงาน
ที่ประชุม ครม.รับทราบแล้วว่า บางข้อไม่สามารถยกเลิกได้เพราะเกณฑ์บางข้อเป็นประวัติศาสตร์ที่มีมาก่อนที่พวกเราจะเกิด หากโรงเรียนไหนเรียกเงินแป๊ะเจี๊ยะเพื่อแลกที่นั่งเรียน หรืออ้างว่ารู้จักกับตน หรือเลขาธิการ กพฐ. ให้แจ้งข้อมูลมาจะตรวจสอบทันที
นายเอกชัย กี่สุขพันธ์ ประธาน กพฐ. เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้พิจารณาประเด็นที่ ป.ป.ช. เสนอให้ยกเลิกหลักเกณฑ์การรับนักเรียนที่มีเงื่อนไขพิเศษทั้ง 7 ข้อ แต่ กพฐ.เห็นว่าเงื่อนไขบางประการยังมีความจำเป็นที่ต้องคงไว้ จึงมีมติให้ยกเลิกเงื่อนไขพิเศษเพียง 3 ข้อคือ นักเรียนที่อยู่ในอุปการะของผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง นักเรียนโควตาตามข้อตกลงของโรงเรียนคู่สหกิจหรือโรงเรียนคู่พัฒนา หรือโรงเรียนเครือข่าย และ นักเรียนที่ได้คะแนนสอบเท่ากันในลำดับสุดท้าย โดยกรณีนักเรียนที่ได้คะแนนสอบเท่ากันในลำดับสุดท้ายนั้น แต่ละโรงเรียนต้องไปกำหนดเกณฑ์และประกาศให้ผู้ปกครองรับทราบล่วงหน้า ขณะที่เงื่อนไขอีก 4 ข้อต้องคงไว้เพื่อประโยชน์ของการศึกษาและผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ คือ นักเรียนที่อยู่ในความอนุเคราะห์ของผู้บริจาคที่ดินเพื่อจัดตั้งโรงเรียน นักเรียนที่เป็นผู้ยากไร้และด้อยโอกาส นักเรียนที่เป็นบุตรผู้เสียสละเพื่อชาติหรือผู้ประสบภัยพิบัติที่ต้องได้รับการสงเคราะห์ดูแลเป็นพิเศษ และนักเรียนที่เป็นบุตรข้าราชการครูและบุคลากรของโรงเรียน
ประธาน กพฐ. กล่าวอีกว่า สำหรับการประกาศรายชื่อผลสอบนักเรียน จะต้องเป็นการประกาศรายชื่อเรียงตามลำดับคะแนนแต่ไม่มีการประกาศคะแนน และต้องประกาศรายชื่อนักเรียนทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะนักเรียนที่จะรับ นอกจากนี้ ยังกำหนดให้รับนักเรียนในเขตพื้นที่บริการ 60% และนักเรียนนอกเขตพื้นที่ 40% พร้อมทั้งปรับแก้คุณสมบัติการรับนักเรียนในเขตพื้นที่บริการ โดยต้องเป็นนักเรียนที่อยู่ในทะเบียนบ้านในเขตพื้นที่บริการอย่างน้อย 2 ปี นับไปถึงวันที่ 16 พ.ค.2562 และนักเรียนต้องอยู่กับบิดามารดา หรือผู้ปกครอง โดยต้องอาศัยอยู่ในบ้านนั้นจริงๆ ไม่ได้เอาชื่อมาอยู่ในทะเบียนบ้าน โดยจะมีมาตรการตรวจสอบ 2 ขั้นตอนคือ การรับรองตัวเองในใบสมัคร ที่จะมีการระบุให้รับรองว่าอยู่อาศัยจริง หากมีการตรวจสอบภายหลังพบว่าไม่ได้อยู่อาศัยจริงยินดีที่จะออกจากสถานศึกษาโดยที่ไม่สามารถฟ้องร้องได้ และการแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จหรือปลอมแปลงเอกสารถือเป็นความผิดทางอาญา ขั้นตอนการตรวจสอบจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการหรือการสุ่มตรวจสอบ
นายเอกชัยกล่าวด้วยว่า ที่ประชุมยังมีมติให้รับนักเรียนที่จบ ม.3 เข้าเรียนต่อ ม.4 ในโรงเรียนเดิมทุกคน ยกเว้นนักเรียนที่ไม่ประสงค์จะเรียนต่อ กรณีที่รับนักเรียนไม่เต็มตามจำนวนที่กำหนดไว้ สามารถให้สอบรับสมัครเพิ่มเติมได้ กพฐ.จึงมีมติให้เลื่อนวันรับสมัครนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ ม.4 มาเป็นวันที่ 22-27 มี.ค.2562 จากเดิมวันที่ 23-27 มี.ค.2562 โดยให้งดรับนักเรียนในวันที่ 24 มี.ค. เนื่องจากตรงกับวันเลือกตั้ง และจะทำการประกาศไปยังโรงเรียนต่างๆต่อไป ทั้งนี้ สพฐ.จะเร่งดำเนินการแก้ไขประกาศดังกล่าวโดยเร็วที่สุด คาดว่าจะประกาศได้ภายในต้นสัปดาห์หน้า เพื่อให้โรงเรียนได้นำไปประกาศแจ้งแก่ผู้ปกครองรับทราบต่อไป
ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับพิมพ์ วันที่ 9 ก.พ. 2562 เวลา 05:15 น.