"หมอจรัส" ไม่ขัด ยกฐานะกศน.เป็นนิติบุคล
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก- ก+
"หมอจรัส" ไม่ขัด ยกฐานะกศน.เป็นนิติบุคลประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อปฎิรูปการศึกษา แจง ไม่ขัด รัฐบาลจัดทำร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ยกฐานะกศน.เป็นนิติบุคคล ชี้ น่าเห็นใจเป็นหน่วยงานที่ดูแลกลุ่มคนนอกระบบ 40 กว่าล้านคน จึงส่งผลให้ทำงานได้อย่างไม่เต็มที่
วันนี้ (15 ม.ค.) ศ.นพ.จรัส สุวรรณเวลา ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อปฎิรูปการศึกษา (กอปศ.) กล่าวถึงการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต พ.ศ...ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.)แล้วเมื่อเดือนธ.ค.2561 และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจาณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยจะยกกศน.ให้มีฐานะเป็นนิติบุคคลมีการบริหารงานอิสระทั้งงบประมาณและบุคลากร ว่า เรื่องนี้ตนไม่ขัดข้องอะไรหาก กศน.จะยกฐานะเป็นนิติบุคล ซึ่งในส่วนการปรับโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ของ กอปศ.จะมองภาพใหญ่ของการศึกษาตลอดชีวิตที่เน้นการศึกษาครอบคลุมทุกช่วงชีวิต ทุกกลุ่มเป้าหมาย เพราะการศึกษาตลอดชีวิตเป็นเรื่องที่กว้างมาก แต่ตนเข้าใจว่าที่ศธ.จัดทำร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต พ.ศ..ขึ้นมานั้นน่าจะมองภาพของการบริหารจัดการเชิงภาครัฐมากกว่า ซึ่งก็น่าเห็นใจกศน.เพราะเป็นหน่วยงานใหญ่กระจายทั่วประเทศ อีกทั้งต้องดูแลจำนวนประชาชนที่อยู่ในกลุ่มการศึกษาตลอดชีวิต ที่มีมากถึง 40 กว่าล้านคน แต่ กศน.ก็ยังเป็นเพียงหน่วยงานที่อยู่ภายใต้สังกัดสำนักงานปลัด ศธ. จึงอาจส่งผลให้ทำงานไม่ได้อย่างเต็มที่หรือมีข้อจำกัดในการบริหารจัดการ ดังนั้นการปรับปรุงหน่วยงานให้ดีขึ้นก็ถือว่ามีเหตุผล
"ที่ผ่านมาผมเคยไปแสดงความคิดเห็นให้กับทาง กศน. เกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า เรื่องการศึกษาตลอดชีวิต เป็นเรื่องที่กว้าง เพราะฉะนั้นเมื่อจะมีการดำเนินการเรื่องนี้จะต้องไม่ใช่หน้าที่ของรัฐเพียงอย่างเดียว ดังนั้นหากร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ จะขัดกับอะไรในส่วนไหนบ้างนั้นคงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะพิจารณา โดยส่วนตัวผมมองว่าไม่ได้ขัดอะไร เพราะเป็นการดำเนินการปรับในส่วนเดียวเท่านั้น คือ เรื่องการให้บริหารจัดการเชิงภาครัฐมากกว่า ส่วนที่ กศน.จะเปิดสอนถึงระดับปริญญาตรีด้วยนั้น ผมว่าคงไม่มีปัญหาเพราะท้ายที่สุดก็จะมีหน่วยงานอย่างสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ตรวจสอบและควบคุณภาพอยู่แล้ว"ประธาน กอปศ.กล่าว
ต่อข้อถามว่าภาพของ กศน. ในมุมมองของ กอปศ.ควรที่จะเป็นไปในทิศทางใด ศ.นพ.จรัส กล่าวว่า หากสมมุติว่ารัฐมีหน้าที่ในการวางนโยบายให้การสนับสนุน ก็จะต้องมีองค์กรที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในเรื่องนโยบาย ทั้งดูทิศทาง การวางแนวทางในอนาคต รวมถึงสนับสนุนงบประมาณและบุคลากร ซึ่งการดูแลเรื่องคุณภาพและคุ้มครองผู้บริโภคก็เป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นการจัดการศึกษาตามอัธยาศัยหากเป็นรัฐคงไม่มีปัญหา แต่หากเป็นภาคเอกชนที่จัดการศึกษาตามอัธยาศัย ก็ต้องมีหน่วยงานที่จะเข้ามาดูแลว่า ที่ไหนมีหรือไมีมีมาตรฐาน
ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 15 ม.ค. 2562 เวลา 17:10 น.