ออมสินชวนครูปรับโครงสร้างหนี้ เลี่ยงถูกฟ้อง
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก- ก+
ออมสินชวนครูปรับโครงสร้างหนี้ เลี่ยงถูกฟ้อง6 ส.ค.61 นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) กล่าวภายหลังหารือถึงแนวทางการแก้ปัญหาหนี้สินครู กับนายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน พร้อมด้วยนายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) ว่า จากการหารือในวันนี้ได้มีข้อตกลงร่วมกันว่าในกรณีที่ฝ่ายธนาคารออมสินหักเงินโดยไม่เป็นธรรม ตามที่ สกสค.ร้องเรียนนั้น มีหลักฐานชัดเจนว่าทางธนาคารออมสินจะคืนเงินในส่วนที่หักไปให้
“ข่าวดี คือ หลังจากที่มีการ MOU ครั้งสุดท้ายร่วมกับธนาคารออมสินแล้ว ทางธนาคารออมสินก็ได้ส่งเงินที่หักไปคืนกลับมาให้ สกสค.แล้วประมาณ 2,000 ล้านบาท ส่วนเดือนที่แล้วก็มีครูชำระหนี้ให้กับธนาคารออมสินจำนวน 380 ล้านบาท ซึ่งทางธนาคารออมสินก็คืนเงินดังกล่าวให้กับ สกสค. แล้ว ส่วนกรณีที่ธนาคารออมสินทำถูกต้องตามขั้นตอน แต่ครูยังไม่จ่ายหนี้คืนนั้น ทางธนาคารออมสินก็จะดำเนินการทวงหนี้ตามปกติต่อไป” รมว.ศธ.กล่าว
รมว.ศธ. กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่มีครูเป็นหนี้ขั้นวิกฤติ และถูกธนาคารฟ้องร้องที่มีอยู่จำนวน 4,000 คนนั้น ทางธนาคารออมสินแจ้งว่าในจำนวน 4,000 คนนี้ มีกว่า 2,000 คน ได้เข้าไปขอปรับโครงสร้างหนี้แล้ว และทางธนาคารออมสินยังเชิญชวนให้ครูที่เป็นหนี้วิกฤติที่เหลืออีกประมาณ 2,500 คน เข้าไปเจรจาขอปรับโครงสร้างหนี้ได้
นอกจากนี้ตนยังได้หารือกับทางธนาคารออมสินถึงการค้ำประกัน ซึ่งทางธนาคารออมสินก็พร้อมจะให้เปลี่ยนหลักทรัพย์ค้ำประกันได้แล้ว ดังนั้นผู้กู้ที่ประสงค์จะขอเปลี่ยนหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ โดยไม่ใช้เงินกองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา(ช.พ.ค.) ค้ำประกันเงินกู้ และทางธนาคารออมสินยินดีที่จะให้ทาง สกสค.เป็นตัวกลางเลือกบริษัทประกันที่มีข้อเสนอที่ดีที่สุดมาค้ำประกันและครอบคุลุมวงเงินที่เหลืออยู่ได้ด้วย ในวันนี้การเจรจาก็เป็นบรรยากาศที่ดี และได้เคลียร์ปัญหาแล้ว ดังนั้นหากครูคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากธนาคารออมสิน ก็ให้มาบอก สกสค.เขตได้ อย่าอยู่คนเดียว
ด้านนายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวถึงการฟ้องร้องครูที่ไม่จ่ายหนี้ตามกำหนด ว่า การฟ้องร้องมีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งไม่ใช่เพิ่งจะมีการฟ้องร้องในช่วงนี้ และครูที่เข้าข่ายถูกฟ้องร้องมีอยู่ประมาณ 4,000 ราย รวมหนี้ประมาณ 3,800 ล้านบาท ครูที่ถูกฟ้องร้องก็สามารถมาขอประนีประนอมยอมความได้ ซึ่งในจำนวน 4,000 คนนี้ มีบางคนได้มาชำระหนี้และปิดบัญชีเองแล้วประมาณ 178 คน และก็มีอีกส่วนหนึ่งที่มาขอประนีประนอมและจ่ายหนี้ได้เป็นปกติแล้วอีกประมาณ 1,375 คน ดังนั้นใน 2 กลุ่มนี้รวมเป็น 1,553 คน ก็จะไม่ถูกธนาคารออมสินฟ้องร้อง ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 2,500 คน ก็จะถูกธนาคารออมสินฟ้องไปตามขั้นตอน เพราะหากธนาคารไม่ฟ้องก็จะถูกข้อหาละเว้นต่อการปฏิบัติหน้าที่
“ธนาคารออมสินเปิดประตูบ้านต้อนรับทุกเวลา ครูสามารถมาขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้โดยที่ปลอดต้นปลอดดอกบางส่วนก็ทำได้ตามขบวนการที่ธนาคารประกาศออกไป ดังนั้นครูอีกประมาณ 2,500 คน ถ้าไม่อยากเป็นผู้ที่ถูกฟ้องร้องก็เดินมาหาธนาคารออมสิน เดือนหน้าครูก็ไม่ถูกฟ้องแล้ว ซึ่งข้อตกลงนี้เชื่อว่าจะสามารถช่วยเหลือครูที่อยู่ในสถานะที่จะถูกฟ้องร้องได้ เพราะตามจริงครูเป็นผู้กู้ ถ้าจะสู้กันครูก็แพ้ ถึงขั้นยึดทรัพย์อื่นที่มีอยู่ แต่ครูสามารถเดินมาขอทำตามเงื่อนไขปรับโครงสร้างหนี้ได้ ส่วนคนที่ยังไม่เคยถูกฟ้องก็ขอให้ปฏิบัติตามเงื่องไข หรือครูที่ไม่มีหนี้เสียก็มาขอลดหย่อนหนี้สินได้โดยไม่ต้องเป็นNPL” นายชาติชาย กล่าว
นายชาติชาย กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นข้อตกลงเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2561 ที่มีการกำหนดให้นำเงิน ช.พ.ค.มาเป็นหลักค้ำประกันเงินกู้นั้น ทางธนาคารออมสินก็พร้อมให้ครูนำหลักประกันอื่นมาเปลี่ยนแทนได้ตลอดเวลา ส่วนที่มีการกล่าวหาว่ามีการรับค่าคอมมิชชั่นในการค้ำประกันนั้น ตนก็อยากให้คนที่เขียนวิพากษ์วิจารณ์ว่าเงินนั้นอยู่ตรงที่ไหนขอให้บอกด้วย จะได้นำมาลดดอกเบี้ยคืนให้ครู ส่วนเรื่องอื่นๆขณะนี้ทางธนาคารออมสิน ก็มีการประสานงานกับ สกสค.อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ เพื่อให้ภาวะหนี้สินของครูเข้าสู่ภาวะปกติได้โดยเร็ว
ขณะที่นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) กล่าวว่า ตัวเลขกลมๆของยอดครูที่เข้าเงื่อนไขถูกฟ้องร้องมีจำนวน 20,000 ราย โดยทาง สกสค.ได้พยายามชักชวนครูให้เข้ามาเจรจา เนื่องจากทางธนาคารออมสิน ได้หาทางปรับโครงสร้างหนี้ให้ในหลายวิธีด้วยกัน
ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันจันทร์ ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2561, 17.51 น.