จับตา พรบ.ปฐมวัย หวังเลิกให้เด็กสอบเข้า ป.1 ชี้ไม่ใช่วัยมุ่งเรียนเพื่อแข่งขัน
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก- ก+
จับตา พรบ.ปฐมวัย หวังเลิกให้เด็กสอบเข้า ป.1 ชี้ไม่ใช่วัยมุ่งเรียนเพื่อแข่งขันเผย พรบ.ปฐมวัย ฉบับใหม่ ชงแก้กฎหมาย ห้ามให้เด็กสอบเข้าชั้นประถม ชี้ไม่ใช่วัยมุ่งเรียนเพื่อแข่งขัน ฝาฝืนปรับไม่เกิน 5 แสน หวั่น รร.ไม่อยากรับเด็กหากบังคับใช้
วันที่ 21 มีนาคม 2561 นางสาวดารณี อุทัยรัตนกิจ รองประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการอิสระฯ ได้มีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.การปฐมวัย และมีมติให้การทบทวนและเปลี่ยนแปลงในหลายประเด็น
หนึ่งในนั้นคือเรื่องการสอบเข้าเรียนต่อชั้นประถมศึกษา เนื่องจากใน พ.ร.บ.ดังกล่าวระบุว่า เพื่อเป็นการปกป้องพัฒนาการเด็กปฐมวัย ห้ามมิให้สถานศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติและโรงเรียนตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนรับเด็กปฐมวัยเข้าศึกษา โดยใช้วิธีการสอบคัดเลือกหรือทดสอบสมรรถนะ คุณลักษณะ ความรู้ หรือ ความสามารถอื่นใดของเด็กปฐมวัย รวมถึงการฝากเด็กปฐมวัยเข้าเรียนในสถานศึกษาด้วย
ทั้งนี้หากบังคับใช้กฎหมายในมาตรานี้ไป ก็จะมีผลกระทบในวงกว้าง เช่น เมื่อครูทำการทดสอบเด็กให้แยกสี หรือ ผูกเชือกรองเท้า ก็เท่ากับว่าเป็นการทดสอบแล้ว ซึ่งการทำผิดกฎหมายในมาตรานี้ ก็อาจทำให้โดนปรับไม่เกิน 500,000 บาท เป็นต้น และอาจจะส่งผลให้สถานศึกษาไม่อยากรับเด็ก อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการทบทวนในเรื่องนี้ แต่คณะอนุกรรมการเด็กเล็กก็ยืนยันว่า จะยึดหลักการเดิมที่จะไม่ให้มีการสอบเข้าเรียนในระดับประถมศึกษา เพราะเด็กวัยนี้ไม่ควรที่จะมุ่งเรียนเพื่อการแข่งขัน ดังนั้น คณะกรรมการอิสระฯ จะหาแนวทางที่เป็นกลางมากที่สุด เพื่อลดผลกระทบและส่งเสริมพัฒนาการเด็กในวัยดังกล่าวอย่างเต็มที่ และจะทำประชาพิจารณ์ เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนต่อไป
ด้าน นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการสภาการศึกษา (เลขาฯ สกศ.) กล่าวว่า ตนได้สรุปผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อยกร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับใหม่ ให้ที่ประชุม คณะกรรมการอิสระฯ พิจารณา ซึ่งได้นำเสนอ 5 ประเด็น ได้แก่ การศึกษาเพื่อการพัฒนาทักษะการดำรงชีวิต, การศึกษาตามอัธยาศัย , การศึกษาทางเลือก , การวัดและประเมินผลการจัดการศึกษา และการสร้างความเข้มแข็งให้สถานศึกษา เพื่อให้นำไปใช้ในการจัดทำ พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวต่อไป
ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: เว็บไซต์กระปุกดอทคอม, และหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์