หักเงินข้าราชการใช้หนี้กยศ. รัฐวิสาหกิจ-เอกชนคิวต่อไป จี้ลูกหนี้ติดต่อก่อนโดนฟ้อง
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก- ก+
หักเงินข้าราชการใช้หนี้กยศ. รัฐวิสาหกิจ-เอกชนคิวต่อไปหักเงินข้าราชการใช้หนี้กยศ. รัฐวิสาหกิจ-เอกชนคิวต่อไป จี้ลูกหนี้ติดต่อก่อนโดนฟ้อง
นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยหลังแถลงข่าวส่งมอบโลหิตแก่สภากาชาดไทย 9.8 ล้านซีซี จากกิจกรรมรวมใจบริจาคโลหิตตลอดปี 60 ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กยศ.ได้เห็นชอบแนวทางการหักเงินเดือนแก่ผู้กู้ยืมเงินจากกองทุนฯ ตามกฎหมายพ.ร.บ. กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ฉบับใหม่เรียบร้อยแล้ว โดยจะเริ่มหักเงินเดือนลูกหนี้ที่เป็นข้าราชการและรับเงินเดือนผ่านระบบกรมบัญชีกลางไปใช้หนี้เป็นกลุ่มแรกในเดือน มี.ค. 61 หลังจากนั้นจะมีการขยายไปสู่การหักเงินเดือนข้าราชการหน่วยงานอื่น ๆ และลูกจ้างบริษัทเอกชนได้ภายในสิ้นปีหน้า
"ตามแผนของ กยศ.ช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.61 จะเป็นช่วงที่มีการประชุมและเตรียมความพร้อมกับหน่วยงานราชการ และเดือนมี.ค.จะเริ่มนำร่องหักเงินเดือนลูกหนี้ที่เป็นข้าราชการผ่านระบบกรมบัญชีกลางได้ก่อน 1,000 คน ซึ่งเป็นลูกหนี้ที่มีการค้างชำระและมีการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องร้อง หรือประนีประนอมในชั้นศาลแล้ว โดยหักเงินเดือนตามจำนวนที่ตกลงกันไว้ ส่วนลูกหนี้ที่มีการผ่อนชำระปกติจะยังไม่มีการหักเงินเดือนแต่ให้ผ่อนชำระตามขั้นตอนปกติเหมือนเดิม"
ทั้งนี้ในช่วงทดลองระบบหากขั้นตอนการหักเงินเดือนข้าราชการกรมบัญชีกลางราบรื่นไปด้วยดี ระยะต่อไปจะขยายไปสู่การหักเงินเดือน ข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ รวมถึงลูกหนี้ที่ผิดนัดชำระแต่ยังไม่ถูกฟ้อง หรือลูกหนี้ที่ผ่อนชำระปกติต่อไป โดยปัจจุบันมีข้าราชการเป็นลูกหนี้กับ กยศ.ประมาณ 150,000 ราย ในจำนวนนี้มีการผ่อนชำระปกติ 8 หมื่นราย อีก 6 หมื่นรายเป็นกลุ่มที่มีการค้างชำระ
นายชัยณรงค์กล่าวว่า สำหรับการหักเงินเดือนลูกหนี้ที่เป็นลูกจ้างบริษัทเอกชนเพื่อชดใช้หนี้ จะเริ่มได้ไตรมาสสี่ปีหน้า เนื่องจากเป็นลูกหนี้กลุ่มใหญ่หลายล้านบัญชีจึงต้องมีการพัฒนาระบบ และให้ความรู้กับนายจ้างเอกชนอย่างทั่วถึงก่อนดำเนินการ ซึ่งขณะนี้ กยศ.ได้ร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาองค์กรนายจ้างแห่งประเทศไทย เพื่อเดินสายให้ความรู้แก่ภาคเอกชนทั่วประเทศแล้วก่อนจะมีการหักเงินเดือนจริงช่วงสิ้นปี
นอกจากนี้ ยังขอฝากเตือนไปยังลูกหนี้ กยศ.ที่ได้รับจดหมายแจ้งเตือนการชำระหนี้ ให้เข้ามาติดต่อเพื่อประนีประนอมกับ กยศ.เป็นการด่วน เนื่องจากกองทุนมีนโยบายในการช่วยเหลือปรับโครงสร้างหนี้ให้ และสามารถผ่อนชำระได้ถึง 9 ปีเต็ม แต่หากลูกหนี้ไม่ติดต่อเข้ามาจะถูกฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ซึ่งในปี 60 กยศ.มีการฟ้องร้องลูกหนี้ทั้งระบบไป 1.3 แสนราย คิดเป็นวงเงิน 13,000 ล้านบาท โดยมียอดการฟ้องร้องดำเนินคดีรวมตั้งแต่ปี 47 ถึงปัจจุบัน 1.2 ล้านคดี ในจำนวนนี้สามารถยอมความได้ 70-80% ขณะเดียวกันได้มีการนำลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการยึดทรัพย์ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาถึง 2 แสนรายนายชัยณรงค์ กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 61 กองทุนจัดกิจกรรม กยศ. ร่วมใจปันโลหิต ต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ ปีที่ 5 เนื่องในโอกาสมหามงคลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงเจริญพระชนมพรรษา 66 พรรษา โดยเปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษาผู้กู้ยืม ศิษย์เก่าผู้กู้ยืม และประชาชนร่วมบริจาคเลือด พร้อมตั้งเป้าหมายจัดกิจกรรมร่วมกับสถานศึกษาในกรุงเทพฯ และจังหวัดต่าง ๆ รวม 20 จังหวัด มีสถานศึกษาที่ให้ความร่วมมือใช้สถานที่จัดกิจกรรม 48 แห่ง คาดว่าจะได้รับปริมาณโลหิตไม่น้อยกว่า 10 ล้านซีซี
"กองทุนได้ให้การสนับสนุนการจัดกิจกรรมบริจาคโลหิตดังกล่าวร่วมกับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย กาชาดจังหวัด และสถานศึกษาทั่วประเทศ มาอย่างต่อเนื่อง และผลจัดกิจกรรมปี 60 ที่ผ่านมา มีนักเรียน นักศึกษาและประชาชนผู้บริจาคโลหิตจำนวน 23,734 คน จากสถานศึกษาประมาณ 180 แห่ง ได้รับบริจาคโลหิตจำนวนทั้งสิ้น 9.83 ล้านซีซี ซึ่งกองทุนจะมอบให้แก่สภากาชาดไทยและโรงพยาบาลต่างๆ นำไปใช้ประโยชน์ในการรักษาพยาบาลต่อไป"
ขอบคุณเนื้อหาและที่มาของข่าวจาก :: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์