ผูกขาดความรู้ "หาใช่ครูไม่"!
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
ไม่ทราบจริงๆ............
ว่าหลักสูตรสอนคนจบออกไปเป็นครูทุกวันนี้ มีนิทานอีสปเรื่อง "หมาในรางหญ้า" สอนบ้างหรือไม่?
ถ้ามี.........
คงไม่มีเหตุการณ์อย่างเป็นข่าวตั้งแต่วันอาทิตย์ (๒๖ มี.ค.๖๐) กระมัง ที่ว่า...
"กลุ่มนักวิชาการ กลุ่มครู อาจารย์จากคณะครุศาสตร์ และคณะศึกษาศาสตร์ รวมตัวกันที่มหาวิทยาลัยบูรพา
ล่ารายชื่อ ๕๐,๐๐๐ รายชื่อ เสนอต่อ 'พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา' นายกรัฐมนตรี
ให้ปลด 'นายแพทย์ ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ออกจากตำแหน่ง
กรณีปรับปรุงหลักเกณฑ์การรับสมัคร 'ครูผู้ช่วย' โดยเปิดให้ 'ผู้ไม่มีใบอนุญาต' ประกอบวิชาชีพครู
สามารถสอบบรรจุเป็นครูผู้ช่วยได้ เมื่อผ่านการคัดเลือก"
ถ้าแบบนี้ ไม่น่าใช่?
กลัวเป็นพวก "ข้างถนน" อ้างตัวเป็นครู แล้วทำอะไรๆ แบบคนสิ้นคิด จะทำให้เสื่อมเสียไปถึงความเป็น "เบ้าหลอม" ของชาติ
เพราะคนที่เป็นครูด้วยจิตวิญญาณ นั้น การจะทำอะไรลงไป เขาจะใช้สมองก่อน
น้อยนัก ที่จะใช้เท้าก่อน!
แต่สื่อทุกแขนง เสนอข่าวไปทางเดียวกัน ว่าพวกที่ไปประชุมกัน "เป็นพวกครู" จริงๆ ต่อต้านการจะให้ผู้ไม่มีใบอนุญาตเป็นครูมาสอบเป็นครู และเป็นหนักถึงขั้น
ล่ารายชื่อขับไล่รัฐมนตรี!
ก็ได้แต่ถอนใจ และหมดสงสัยใน "ผลประเมินนักเรียนนานาชาติ" กว่า ๗๐ ประเทศทั่วโลก เมื่อปลายปี ๕๙ ที่ว่า
สิงคโปร์ มีอันดับการรู้เรื่องการอ่าน คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เป็นอันดับ ๑ ทุกด้าน
ขณะที่ "เวียดนาม" มีอันดับสูงกว่าไทย
หนักไปกว่านั้น การศึกษาของไทย จากผลประเมินที่ออกมานั้น
"ทุกด้าน" ไทยคะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ย!
ต่ำทางการศึกษา นั่นก็ไม่ห่วง เพราะความรู้ "เรียนทันกันหมด"
แต่ที่ห่วงถึงขั้นวิตก ก็คือ ด้าน "จิตสำนึก"
ถ้าลองคนในแวดวงครู คือ "เบ้าหลอม" มีจิตสำนึกคับแคบ ยึดเฉพาะประโยชน์ตนเป็นที่ตั้งแบบนี้ นักเรียนที่หลอมออกมา "จิตสำนึก" จะต่างจากเบ้าตรงไหน?
ถ้าพวกครูกลุ่มนี้ สำรวจตัว แล้วคิดสักนิด ก็จะไม่ทำ "แบบอย่างสิ้นคิด" ให้สังคมเห็นแน่
เพราะที่รัฐมนตรีศึกษาฯ "นพ.ธีระเกียรติ" โดยคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) มีมติ ...........
ให้ผู้ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู สมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุเป็น "ครูผู้ช่วย" สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ประจำปี นั้น
ใช่ว่าเอาคนนอกมาแย่งอาชีพคนเรียนมาเป็นครูโดยตรง หรือเป็นการดูหมิ่น-ดูแคลน ว่าคนที่เรียนครูโดยตรงมันห่วย ต้องเอาคนนอกเข้ามาแทรกสอน
หากแต่ว่า ที่เปิดสอบทั้งสิ้น ๖๑ สาขาวิชา มีอัตราบรรจุได้ ๖,๓๘๑ อัตรา ใน ๖๔ จังหวัด และสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ (สศศ.)
มีแค่ ๒๕ สาขาวิชา เท่านั้น ...........
ที่เปิดให้ คนไม่มีใบอนุญาตด้วย สมัครสอบได้
ส่วนอีก ๓๖ สาขาวิชา ยกเป็นสัมปทานเฉพาะผู้มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู หรือผ่านหลักสูตรครู ๕ ปี เท่านั้น
๒๕ สาขาวิชา ที่เปิดให้คนนอกมาสอบได้นั้น ไม่ใช่เปิดให้คนนอกเข้ามาแย่งอาชีพคนใน
หากแต่ประกอบด้วย ๒ สาเหตุ..............
-มี ๑๗ วิชา หา "คนใน" สอนไม่ได้
กายภาพบำบัด, กิจกรรมบำบัด, การเงิน/การบัญชี, จิตรกรรม, จิตวิทยาคลินิก, ดนตรีพื้นเมือง, นาฏศิลป์ (โขน), ภาษาพม่า, ภาษาเวียดนาม, ภาษาสเปน, เศรษฐศาสตร์, โสตทัศนศึกษา, หลักสูตรและการสอน, อุตสาหกรรมไฟฟ้า, อุตสาหกรรมศิลป์ (ช่างก่อสร้าง), อุตสาหกรรมศิลป์ (ช่างยนต์) และภาษามลายู
-มี ๘ สาขา ขาดครูต่อเนื่อง เปิดรับ ไม่มีคนสมัคร
วิทยาศาสตร์, วิทยาศาสตร์ทั่วไป, ฟิสิกส์, เคมี, ชีววิทยา, คณิตศาสตร์, ภาษาอังกฤษ และภาษาเยอรมัน
เนี่ย...ถ้าคนมีความคิด มีความรับผิดชอบต่อการศึกษา นอกจากเขาจะไม่ต่อต้านพาลโกรธรัฐมนตรีแล้ว
แทนที่จะล่าชื่อขับไล่รัฐมนตรี..............
เขาจะล่า เพื่อเรียกร้องรัฐมนตรี รีบๆ เข้าท่าน...รีบให้คนมีประสบการณ์เป็นความรู้แตกฉานในสาขาวิชานั้นๆ เข้ามาเป็นครู ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้นักเรียน
ยิ่งกับเด็กเรียนสายอาชีวะด้วยแล้ว............!
พวกเรียนตำรามาเป็นครูอาจารย์ ก็โอเค แต่จะอภิมหาโอเค ถ้าได้คนมีประสบการณ์จากได้นำวิชาความรู้นั้นไปปฏิบัติมาแล้ว มาเป็นครูสอน
อย่างนี้แหละ ค่อยคู่ควรแก่คำว่า "ปาเจรา จริยา โหนติ" หน่อย
วิสัยทัศน์พวกต่อต้าน มองแค่ "ข้าวในชาม" ตัวเอง จึงมีทัศนคติสนองตอบโมหะแค่ "ชามข้าวข้า ใครอย่าแตะ"
ส่วนรัฐมนตรีศึกษาฯ มองไกลทั่ว "ท้องนา"..........
เป็นทัศนคติสะท้อน อนาคตที่ทั่วถึง บนฐาน "เสถียรภาพและคุณภาพประเทศ"!
การเอาคนนอกที่มีความรู้-ความแตกฉานบนฐานประสบการณ์เข้าสู่ระบบศึกษา มาถ่ายทอดให้นักเรียน
พวกครูที่ต่อต้าน มองแค่ "มันมาแย่งอาชีพพวกข้า"
แต่ถ้าคนมีวิสัยทัศน์ จะเห็น............
นี่คือการสอดประสานในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมชาติสู่อนาคตใหม่ของไทย ตามยุทธศาสตร์ ๔.๐!
ไปดูแต่ละสาขาวิชาที่เปิดรับคนนอกเข้ามาเป็นครูซี ล้วนเป็นกุญแจใช้ไขสู่เศรษฐกิจสังคมโลกยุคใหม่ทั้งนั้น
คนไทยเราวันนี้............
มีพวกหนึ่ง ยึดการแช่งชักหักกระดูกบ้านเมืองตัวเองเป็นอาชีพ!
วันๆ จ้องหาข่าวต่างประเทศ มาเปรียบเทียบ ทิ่มตำ เยาะเย้ย-ถากถางบ้านพ่อ-เมืองแม่มันเองแท้ๆ ในภาพว่า เขาดีกว่า เขาเจริญกว่า
แล้วแสดงอาการสะใจ พร้อมสรุป ว่านี่ไง ผลจากรัฐบาลทหารปกครองบ้านเมือง
และรัฐบาลจะทำอะไร ก็ผสมโรงกัน ต่อต้าน-ค้านหมดทุกเรื่อง
ทำโรงไฟฟ้า ก็ค้าน
ทำท่าเรือก็ค้าน
ทำเขตเศรษฐกิจก็ค้าน
ทำอีอีซีก็ค้าน
ทำรถไฟความช้า-ความเร็วก็ค้าน
ทำพลังงานก็ค้าน
สรุปแล้ว เดินหน้าโครงการอะไรๆ ประสานให้สมบูรณ์เกิดศักยภาพตามแผนสู่อนาคตไม่ได้
ถึงได้ ก็ทุลัก-ทุเล ดึงช้าไปทีละปี-สองปี จนเป็นสิบๆ ปี หลายโครงการ ก็แหง็กอยู่อย่างนั้น
แต่พอเห็น "แจ็ก หม่า" ไปจับมือมาเลย์ ตั้งศูนย์กระจายสินค้าที่เขตปลอดภาษีดิจิทัล ที่เมืองท่าอากาศยาน KL ในกัวลาลัมเปอร์เท่านั้น
ไอ้พวกสันดาน รีบยกเป็นประเด็นเหยียบบ้านตัวเองทันที ไทยหน้าแหกให้มาเลย์ แจ็ก หม่า ไปยึดมาเลย์ เป็นศูนย์กระจายสินค้าอาเซียนแล้ว!
ไม่พูดในด้าน "ทิ้ง-ไม่ทิ้ง" ไทย .......
เพราะ "เบื้องลึก-ของจริง" แล้วจะรู้เอง แต่ที่จะชี้ให้เห็น ส่วนหนึ่งที่ไทย "ติดหล่ม" ทุกวันนี้ เพราะความเห็นแก่ตัวของพวกเรากันเอง
รวมทั้งคนไทยประเภท.........
"ทำให้บ้านเมืองฉิบหายได้ คือความสะใจพวกกู"!
ทั้งไฟฟ้า-ท่าเรือ-เขตเศรษฐกิจ-พลังงาน รวมถึงการศึกษา ที่ต้อง "เอาคนนอกเข้ามาเป็นครูสอน"
เหล่านี้เป็นแผนเศรษฐกิจสังคมที่ต้องประสาน-สอดรับไปด้วยกัน "เพื่ออนาคตใหม่" ถ้าอะไรสะดุด มันก็จะฉุดซึ่งกันและกัน
คนไทย มักก้มหน้ามองโลก แล้วทำรู้แจ้ง-แทงตลอด แต่เป็นการแทงบ้านเมืองตัวเอง
อย่างกรณีแจ๊ก หม่า ที่มาเลย์ ถ้าเงยหน้ามองดูเขา-มองดูเรา ประการแรก พวกที่พูดว่า "เอาพลังงานของเรากลับคืนมา แล้วทำแบบปิโตรนาส"
หารู้ไม่........
แบบปิโตรนาสนั่นแหละ วันนี้ ริงกิตจึงเฉียดแบงก์กงเต๊ก จาก ๑๐ บาท เหลือ ๗ บาทกว่า
มาเลย์ต้องหนีล้มละลาย ไม่ยกประเทศให้จีนก็เหมือนยกให้ตอนนี้ ทุกพื้นที่เศรษฐกิจและพื้นที่ยุทธศาสตร์ "ควบ ๒ มหาสมุทร"
จีนจะทำอะไร มาเลย์ยกให้หมด!
ฉะนั้น ที่เมื่อก่อนพูดกันว่า จีนง้อไทย หวังทางออกมหาสมุทรอินเดีย ที่อ่าวไทย และออกทะเลจีนใต้-แปซิฟิก ที่อันดามัน เพื่อยันกับสหรัฐฯ นั้น
ตอนนี้ จีนไม่ง้อแล้ว........
ไปสร้างทั้งท่าเรือ ทั้งเขตเศรษฐกิจ มากมายหลายแห่งในหลายรัฐ ถึงขั้นว่า สิงคโปร์ที่เป็นชุมทางสินค้า-ท่าเรือมายาวนาน
วันนี้ มาเลย์ที่จีนเข้าคุมกลไก ทำเอา "สิงคโปร์" ลูกกระแป๋งสหรัฐฯ จ๋อย! เพราะบริษัทเดินเรือใหญ่ๆ ย้ายสำนักงานไปตั้งที่ท่าเรือใหม่-ทันสมัยกว่าที่มาเลย์กันเยอะแล้ว
เนี่ย...แล้วเราสังเกตมั้ย ทำไมมาเลย์ทำอะไรได้เร็ว และทำได้ทันที แล้วเราก็หยิบตรงนั้นมาด่าบ้านเราเอง?
ด้านหนึ่ง คือ พวก "ตีนราน้ำ-เห็นแก่ตัว" ของเขาไม่มี หรือมีน้อย และไม่อิจฉารัฐบาล-อิจฉาประเทศตัวเอง ในการพัฒนา
อีกด้านหนึ่ง ในความที่บ้านเรายักตื้นติดกึก-ยักลึกติดกัก มันก็พิสูจน์ให้เห็นอย่างหนึ่ง ด้วยบทสรุปว่า..........
"หัวเราะทีหลังดังกว่า"
หรือไม่ก็ "ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม"!
และเราก็ "รอดมาได้" ด้วยแบบนี้ในสถานการณ์วิกฤติทุกครั้งไปซะด้วย!
....สรุป
ประชาชนมีหน้าที่ ต้องพูด-ต้องด่า-ต้องค้าน ก็ว่ากันไป
แต่รัฐบาล........"ด้วยข้อมูล"
มีหน้าที่ "ต้องทำ"!
ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ วันที่ 29 มีนาคม 2560