LASTEST NEWS

29 ก.ค. 2567ชี้ครู 80% เริ่มเข้าใจการเรียนการสอนแบบ Active Learning 29 ก.ค. 2567โรงเรียนอนุบาลนางรอง(สังขกฤษณ์อนุสรณ์) รับสมัครครูอัตราจ้าง เงินเดือน 9,140 บาท ตั้งแต่บัดนี้ - 1 ส.ค.2567 29 ก.ค. 2567(( รวมลิงก์ )) ประกาศผลการย้ายครู รอบที่ 2 ประจำปี พ.ศ.2567 ทุกจังหวัด ทุกเขตพื้นที่ฯ ทั่วประเทศ (ต่อ) 29 ก.ค. 2567(( รวมลิงก์ )) ประกาศผลการย้ายครู รอบที่ 2 ประจำปี พ.ศ.2567 ทุกจังหวัด ทุกเขตพื้นที่ฯ ทั่วประเทศ 28 ก.ค. 2567รัฐบาล เชิญชวนส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ประชาชน สวมใส่เสื้อเหลืองตราสัญลักษณ์ฯ ทุกวันจันทร์โดยพร้อมเพรียง 28 ก.ค. 2567กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดสอบบรรจุเข้ารับราชการ 12 อัตรา วุฒิปวส. เงินเดือน 12,650-13,920 บาท สมัครตั้งแต่บัดนี้ - 14 สิงหาคม 2567 28 ก.ค. 2567มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช เปิดสอบบรรจุเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย 73 อัตรา สมัครทางอินเทอร์เน็ตตั้งแต่บัดนี้ - 8 สิงหาคม 2567 28 ก.ค. 2567สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ รับสมัครสอบบรรจุเข้ารับราชการ ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ 20 อัตรา ตั้งแต่วันที่ 1-7 สิงหาคม 2567 28 ก.ค. 2567สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร่ รับสมัครสอบบรรจุเข้ารับราชการ ตำแหน่งเภสัชกรปฏิบัติการ ตั้งแต่วันที่ 1-7 สิงหาคม 2567 28 ก.ค. 2567โรงเรียนอนุบาลนานาชาติตากสินระยอง รับสมัครครูอัตราจ้าง และลูกจ้างชั่วคราว 11 อัตรา ตั้งแต่บัดนี้ - 31 ก.ค.2567

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แถลงนโยบายการศึกษา

  • 21 ธ.ค. 2559 เวลา 10:48 น.
  • 117,245
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แถลงนโยบายการศึกษา

นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ LINE it! - +

ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี 515/2559
รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ


เมื่อวันอังคารที่ 20 ธันวาคม 2559 - นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ โดยมีพล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและข้าราชการ กระทรวงศึกษาธิการ ให้การต้อนรับ

โอกาสนี้ รมว.ศึกษาธิการ พร้อมด้วย รมช.ศึกษาธิการ และคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการได้ไปสักการะพระพุทธรูปประจำกระทรวง "พระพุทธบารมีศักดิ์สิทธิ์สยามิศรจักรี สัฏฐีอนุสรณ์ ศึกษาทรรังสรรค์" จากนั้นรัฐมนตรีทั้ง ท่าน ได้มอบนโยบายการทำงาน ที่ห้องประชุมศาสตราจารย์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล

นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ กล่าวว่า การแถลงนโยบายในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้แจ้งให้ทุกท่านได้รับทราบเกี่ยวกับแนวทางที่กระทรวงศึกษาธิการจะเดินหน้าต่อไป โดยมีนโยบายสำคัญ ดังนี้

● การน้อมนำแนวพระราชกระแสฯ ด้านการศึกษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และพระบรมราโชบายด้านการศึกษา ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มาปรับใช้กับนโยบายด้านการศึกษา

จากการที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่รัฐมนตรีนั้น พระองค์ทรงขอให้ผู้บริหารทุกคนสืบสานพระราชปณิธานด้านการศึกษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาขับเคลื่อนงานด้านการศึกษาให้เกิดเป็นรูปธรรม เพราะพระราชปณิธานของพระองค์ท่านถือเป็นพรอันสูงสุด รวมทั้งพระบรมราโชบายด้านการศึกษาของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการจะได้น้อมนำมาปฏิบัติเช่นกัน

สำหรับพระบรมราโชบายด้านการศึกษาของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีใจความสำคัญว่า "การศึกษาต้องมุ่งสร้างพื้นฐานให้แก่ผู้เรียนใน ด้าน คือ ส่งเสริมให้นักเรียนมีทัศนคติที่ถูกต้อง 2การศึกษาต้องมุ่งสร้างพื้นฐานชีวิตหรืออุปนิสัยที่มั่นคงเข้มแข็ง อาทิ การสร้างบุคลิกและอุปนิสัยที่ดีงาม (Character of Education)"

ำหรับการสืบสานพระราชปณิธานด้านการศึกษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชนั้น พระองค์ได้ทรงมีแนวพระราชกระแสฯ ที่ได้ทรงพระราชทานในวโรกาสต่าง ๆ เกี่ยวกับนักเรียน ครู และการศึกษา



สิ่งที่สำคัญที่พระองค์ได้พระราชทานพระบรมราโชวาท คือ การให้ครูรู้จักอบรมเด็กทั้งด้านศีลธรรม จรรยา และวัฒนธรรม และได้ทรงเน้นย้ำเสมอว่า "การสอน" ต่างกับ "การอบรม"

สิ่งสำคัญอีกประการ คือ "ความรู้" กับ "คุณธรรม" จะต้องเป็นเรื่องเดียวกัน และ "ประเทศชาติของเราจะเจริญหรือเสื่อมลงนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับการศึกษาของประชาชนแต่ละคนเป็นสำคัญ ผลการศึกษาอบรมในวันนี้จะเป็นเครื่องกำหนดอนาคตของชาติในวันข้างหน้า"

● การดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี

นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ กล่าวว่า นอกจากการน้อมนำแนวพระราชกระแสฯ ด้านการศึกษา และพระบรมราโชบายด้านการศึกษา มาปรับใช้กับนโยบายด้านการศึกษาแล้ว กระทรวงศึกษาธิการจะดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579) ภายใต้วิสัยทัศน์ “ประเทศมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญฯ โดยมียุทธศาสตร์ด้านการศึกษาที่จะดำเนินการ 6 ด้าน คือ 1) ความมั่นคง 2) การสร้างความสามารถในการแข่งขัน 3) การลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ 4) การสร้างโอกาสความเสมอภาคและการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม 5) การสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 6) การปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ

1) ความมั่นคง  ตัวอย่างกิจกรรมในการจัดศึกษาของสถานศึกษาในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่ง พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ กำกับดูแลและลงพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ หากในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ไม่สงบก็จะส่งผลถึงคุณภาพการศึกษา หรือกรณีปัญหาโรงเรียนในเขตพื้นที่สูงจังหวัดชายแดนภาคเหนือ (โรงเรียนชายขอบ) ซึ่งที่ผ่านมาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงให้ความสำคัญกับการศึกษาของโรงเรียนในจังหวัดชายแดนภาคใต้และโรงเรียนชายขอบด้วยเช่นกัน ทั้งการให้ความสำคัญกับภาษาที่ใช้ในพื้นที่ หรือสิ่งที่เรียนสถานศึกษา ฯลฯ ดังนั้น ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงจึงมีความสำคัญกับนโยบายด้านการศึกษาเป็นอย่างมาก

2) การสร้างความสามารถในการแข่งขัน  โดยส่งเสริมให้มีคนไทยมีความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศได้ อาทิ การส่งเสริมด้านภาษาอังกฤษ หรือการอาชีวศึกษาแนวใหม่ที่มีความร่วมมือกับภาคเอกชน ซึ่งจะทำให้การอาชีวศึกษาของไทยมีความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศมากขึ้น ก็ถือเป็นตัวอย่างกิจกรรมโครงการของยุทธศาสตร์ด้านนี้

3) การลงทุนในทรัพยากรมนุษย์  โดยเฉพาะการลงทุนกับเด็กเล็กในระดับ Pre-school เป็นสิ่งสำคัญมาก  เพราะเป็นการลงทุนที่ได้ผลมากที่สุด นอกจากนี้ การลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ หมายถึง การพัฒนาครูด้วย

4) การสร้างโอกาสความเสมอภาคและการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม  อาทิ การประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ หรือ PISA ซึ่งคะแนนเฉลี่ยในแต่ละวิชาของเด็กไทยยังไม่อยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่หากดูคะแนนสูงสุดของเด็กไทยในแต่ละวิชา พบว่ามีคะแนนมากกว่านักเรียนสิงคโปร์ที่ได้อันดับหนึ่งจากการประเมินผล PISA  แต่การที่คะแนนเฉลี่ย PISA ของเด็กไทยได้อันดับต่ำ เพราะไทยส่งทุกโรงเรียนเข้ารับการประเมิน รวมถึงโรงเรียนขนาดเล็กและโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ซึ่งหลายโรงเรียนยังคงมีคะแนนต่ำด้วย จึงทำให้ค่าเฉลี่ยของประเทศต่ำลง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเป็นตัวอย่างของความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาระหว่างโรงเรียนที่มีความพร้อมกับโรงเรียนในชนบทที่ยังขาดการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ ดังนั้น เราต้องกลับไปพิจารณาว่าโรงเรียนเหล่านั้นยังขาดอะไรบ้าง เช่น ขาดครูกี่คน มีครูครบชั้นหรือไม่ ครูสอนไม่ตรงสาขา เป็นต้น เพื่อทำการสนับสนุนและแก้ปัญหาได้ตรงจุด

5) การสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีหลากหลายโครงการที่สำคัญ อาทิ  โครงการเศรษฐกิจพอเพียง นโยบายโรงเรียนคุณธรรม เป็นต้น

6) การปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ  เช่น การดำเนินการด้านต่าง ๆ ของคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) เป็นต้น

 


 มอบหมายภารกิจและหน่วยงานในความรับผิดชอบของ รมช.ศึกษาธิการ

นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ กล่าวว่า ในการมอบหมายภารกิจและหน่วยงานที่รับผิดชอบให้กับ รมช.ศึกษาธิการ จะแบ่งงานให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี โดยคำนึงถึงความถนัดของ รมช.ศึกษาธิการ ดังนี้

1) พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์  รับผิดชอบเรื่องความมั่นคงทางการศึกษาและยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เช่น การจัดการศึกษาแบบบูรณาการในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ 10 เขตของไทย การจัดการศึกษาแบบบูรณาการเมืองต้นแบบ "สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" ใน เมือง ที่สุไหงโก-ลก เบตง และหนองจิก รวมทั้งโรงเรียนในบริเวณพื้นที่ชายแดน หรือชายขอบ และมอบหมายภารกิจให้ดูแลหน่วยงาน หน่วยงาน คือ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (สำนักงาน กศน.)

2) ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล  รับผิดชอบเกี่ยวกับการขับเคลื่อนงานเกี่ยวกับคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) รวมทั้งศึกษาธิการภาค, โครงการเศรษฐกิจพอเพียง, โรงเรียนคุณธรรม, โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติและโรงเรียนตามโครงการในพระราชดำริ, คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ, สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) (ITD), งานด้านการประชาสัมพันธ์ของกระทรวงศึกษาธิการ และมอบหมายภารกิจให้ดูแลหน่วยงานสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.)

สำหรับองค์กรวิชาการของกระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.), สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.), สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.), สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.), สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา, สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (สำนักงาน กคศ.), สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.), สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สทศ.), สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) และโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ (องค์การมหาชน) นั้น รมว.ศึกษาธิการ จะรับผิดชอบและดูแลด้วยตนเอง ยกเว้นบางเรื่องใน สกอ. เช่น การ Reprofile สถาบันอุดมศึกษา จะมอบให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ รับผิดชอบเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม แม้จะแบ่งงานแล้ว แต่ขอให้ทุกหน่วยงานเน้นการทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ สามารถเชื่อมโยงข้อมูลและการดำเนินการในด้านต่าง ๆ ซึ่งกันและกันได้


● ประกาศว่า ศธ.ยุคนี้จะโปร่งใสที่สุดในประวัติศาสตร์ และ Anti-Corruption

นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการในยุคนี้จะเน้นเรื่องความโปร่งใส และ Anti-Corruption ซึ่งจะเป็นยุคที่กระทรวงศึกษาธิการมีความโปร่งใสที่สุดในประวัติศาสตร์ จะไม่มีใต้โต๊ะ หลังโต๊ะ หลังบ้าน ตามน้ำใด ๆ ทั้งสิ้น และยืนยันว่าไม่มีการนำชื่อหรือทีมงานทั้งสามท่านไปแอบอ้างเพื่อขอรับผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น

สิ่งที่สำคัญอีกประการ คือ "กระทรวงศึกษาธิการต้องการสร้างเด็กให้โตขึ้นมา เกลียดการโกง หรือเติบโตขึ้นมากับความไม่โกง ด้วยการปลูกฝังการไม่โกงไว้ในบรรยากาศ ระบบ และการสนทนา เพราะการไม่โกงมีวิธีการเดียว ก็คือ ให้เกลียดการโกง และจะได้ไม่ทำ"


● เตรียมพัฒนาโรงเรียน ICU ทั่วประเทศ ตามแนวทาง School Improvement Project

ในระยะเวลาการทำงานที่เหลือตาม Roadmap ของรัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการจะเน้นการทำงานที่เป็น "รูปธรรม"  อย่างแท้จริง โดยโครงการที่สำคัญคือ จะให้ สพฐ.คัดเลือกโรงเรียนที่มีสภาพแย่ที่สุดหรือตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ที่เป็น ICU ในทุกภูมิภาคและทุกเขตพื้นที่การศึกษา โดยจะต้องไม่ใช่โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการโรงเรียนสานพลังประชารัฐกว่า 7,000 แห่ง เพราะโรงเรียนเหล่านั้นได้รับการสนับสนุนแล้ว ทั้งนี้ เพื่อต้องการให้โรงเรียน ICU เหล่านี้ได้รับความช่วยเหลือเร่งด่วนในด้านต่าง ๆ ตามที่โรงเรียนเหล่านั้นขาดแคลน ซึ่งคาดว่าภายใน 5 ปี โรงเรียน ICU เหล่านี้จะได้รับการพัฒนาในทุก ๆ ด้าน อีกทั้งนโยบายนี้จะทำให้รู้ว่าโรงเรียน ICU นั้นตั้งอยู่ในจังหวัดอะไรบ้าง เพื่อที่ กศจ. จะได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาด้านการศึกษาได้อย่างตรงจุด


● ย้ำไม่ทิ้งนโยบายเดิม แต่จะปรับปรุงให้ดีและทันสมัยมากขึ้น

ยืนยันว่ากระทรวงศึกษาธิการมีแนวทางที่จะสานต่อนโยบายเดิมที่ดำเนินการไว้ดีอยู่แล้ว อาทิ นโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ แต่จะปรับปรุงให้มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนยิ่งขึ้น หรือแนวทางการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก ซึ่งจะจัดทำแผนงานและโครงการต่าง ๆ ให้สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีด้วย

นอกจากนี้ จะทำให้กระทรวงศึกษาธิการมีความทันสมัยกับสถานการณ์ปัจจุบัน หรือ Modernise MOE ภายใต้คำขวัญที่ว่า "Work hard, be nice" อีกทั้งจะไม่ใช้ One size fits all หรือการตัดเสื้อขนาดเดียวแล้วนำมาใช้กับทุกคน เนื่องจากแต่ละหน่วยงานมีบริบทที่แตกต่างกัน ดังนั้น แนวทางการปฏิบัติงานต่าง ๆ ของแต่ละแห่ง ย่อมมีความแตกต่างกันด้วย


● ร่างรัฐธรรมนูญฯ ฉบับลงประชามติ พ.ศ.2559 ที่เกี่ยวข้องด้านการศึกษา

นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ กล่าวว่า จะมีการตั้งคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการดูแลกองทุนตามร่างรัฐธรรมนูญฯ ฉบับดังกล่าว ตามมาตรา 54 วรรคหก และดำเนินการปฏิรูปการศึกษาในด้านต่าง ๆ ให้เกิดผล ตามมาตรา 258 ต่อไป

นอกจากนี้ จะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานศึกษาต่าง ๆ ให้มากขึ้น โดยอาจไม่แจ้งล่วงหน้า และหน่วยงานหรือสถานศึกษาไม่จำเป็นต้องจัดทำป้ายต้อนรับ หรือให้นักเรียนและครูทิ้งห้องเรียนเพื่อมาเข้าแถวต้อนรับ โดยย้ำว่ากระทรวงศึกษาธิการจะมีแนวทางดำเนินงานที่จะทำให้เด็กอยากไปโรงเรียน อยากเรียนหนังสือ และครูอยากจะสอน รวมถึงการมีห้องสมุดที่ดี และมีตำราเรียนที่มาตรฐานอีกด้วย.


พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ กล่าวว่า จะตั้งใจทำงานทุกอย่างตามที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ โดยส่วนตัวมีหลักคิดประจำใจเพื่อใช้ในการทำงานต่าง ๆ คือ "ภารกิจเหนือสิ่งใด" และ "การยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล"

จึงขอเชิญชวนชาวกระทรวงศึกษาธิการทุกคนร่วมมือ ร่วมใจ ร่วมพลังความคิด เพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษา เพื่อจัดการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนไทยอย่างมีคุณภาพ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ตามที่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อรัฐสภา ตามนโยบายรัฐบาล และนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ อย่างเต็มกำลังความสามารถ


ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล  กล่าวว่า มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ในฐานะข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ โดยพร้อมจะนำประสบการณ์การทำงานในภูมิภาคตลอด 37 ปีที่ผ่านมา ให้เกิดประโยชน์ต่องานด้านการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับแผนการศึกษาแห่งชาติ ของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, การดูแลกิจการลูกเสือเนตรนารี, ความร่วมมือเพื่อพัฒนาประเทศให้ยั่งยืนกับสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน), การประสานความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ในภูมิภาค เพื่อขับเคลื่อนการบริหารงานของคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) หรือศึกษาธิการภาค ตลอดจนการดำเนินงานของโรงเรียนหลวง หรือโรงเรียนในโครงการตามพระราชดำริ โรงเรียนคุณธรรม เป็นต้น โดยจะน้อมนำและยึดมั่นในหลักคิดของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาใช้ในการทำงาน เช่น หลัก "บวร" (บ้าน-วัด-โรงเรียน) ที่จะใช้ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมในการบริหารการศึกษา รวมทั้งจะพยายามบูรณาการและเชื่อมโยงงานที่ได้รับมอบหมายกับงานของรัฐมนตรีทั้งสองท่านอย่างเหมาะสมต่อไป

ทั้งนี้ มีความรู้สึกยินดีกับงานที่ได้รับมอบหมาย และพร้อมจะทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อสืบสานพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยขณะนี้เตรียมที่จะผลักดันให้เกิด Idol ในวงการศึกษา เช่นเดียวกับในอดีตที่ตนมีหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล เป็น Idol หรือเด็กคนอื่น ๆ อาจมีครู พ่อแม่ หรือผู้ปกครองเป็นแบบอย่าง โดยจะสร้าง Idol ด้านการศึกษา เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับเด็กและเยาวชน ทั้งในระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจังหวัดให้ครบทั้ง 76 จังหวัด พร้อมจะจัดทำ Model เพื่อพัฒนาครูอย่างยั่งยืนด้วย



นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวในนามของชาวกระทรวงศึกษาธิการว่า มีความยินดีที่จะได้ทำงานเพื่อขับเคลื่อนการศึกษาไทยร่วมกับรัฐมนตรีทั้งสามท่าน ซึ่งทุกองค์กรหลักและหน่วยงานในกำกับ กำลังพยายามปรับโครงการและงบประมาณให้สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติทั้ง 6 ด้าน และในระยะยาวสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาจะเป็นเจ้าภาพหลัก ในการประสานการหารือร่วมกับทุกหน่วยงาน ที่จะมีการบูรณาการการทำงานให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการต่อไป


อรพรรณ ฤทธิ์มั่น, นวรัตน์ รามสูต, บัลลังก์ โรหิตเสถียร: สรุป/รายงาน
ยุทธพงศ์ เลือกกลั่นดี: ถ่ายภาพ
บัลลังก์ โรหิตเสถียร: กราฟิก

ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ วันที่ 20 ธันวาคม 2559

  • 21 ธ.ค. 2559 เวลา 10:48 น.
  • 117,245

TAGS ที่เกี่ยวข้อง >>

^