ศธ.แจงสางทุจริตไปแค่30%จากยอดร้องเรียน611เรื่อง
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก- ก+
ศธ.แจงสางทุจริตไปแค่30%จากยอดร้องเรียน611เรื่องศธ.แจงสางทุจริตไปแล้วกว่า 30% หรือ 170 เรื่องจากที่รับร้องเรียน 611 เรื่อง หยิบคดีโครงการเข็มครุสดุดีทองคำและห้องเรียน e-classroom มาตรวจสอบเพิ่ม
นายชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (รองปลัด ศธ.) ในฐานะโฆษก ศธ. แถลงข่าวการประชุมคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนแก้ปัญหาทุจริตของ ศธ. ที่มี พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้รายงานความก้าวหน้าการดำเนินการแก้ปัญหาทุจริตที่มีอยู่ 611 เรื่องของทั้ง 10 หน่วยงานของ ศธ. พบว่ามีการแก้ไขปัญหาไปแล้วกว่า 170 เรื่อง คิดเป็น 30% ส่วนเรื่องที่เหลืออยู่ในขั้นตอนการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีอาญาต่อไป ขณะเดียวกัน คณะกรรมการอำนวยการฯ ยังได้พิจารณาปัญหาทุจริตที่อยู่ในความสนใจของสังคม คือเรื่องธุรกิจสลากกินแบ่งสหกรณ์ออมทรัพย์ครู ซึ่งขณะนี้มีเรื่องเสนอให้คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) พิจารณา 11 ราย แต่ในบางพื้นที่ก็ได้รับการแก้ไขปัญหาไปแล้ว และบางพื้นที่มีการสอบสวนเสร็จสิ้น และได้สั่งลงโทษให้ไล่ออกและปลดออกจากราชการ คือสหกรณ์ออมทรัพย์ครู จ.กาฬสินธุ์ และ จ.นนทบุรี แต่ได้มีการยื่นขออุทธรณ์มายัง ก.ค.ศ. แต่ ก.ค.ศ.มีมติไม่รับอุทธรณ์ ยืนยันให้ลงโทษตามที่สอบสวนไว้ ทั้งนี้ ครูคนไหนที่มีปัญหาเรื่องสหกรณ์ออมทรัพย์ให้แจ้งข้อมูลมาได้ที่ ศธ. พร้อมจะไปสอบสวนเพิ่มเติมให้ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้แก่ครู
นายชัยยศกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้พิจารณากรณีชุดนักเรียนขององค์การค้าฯ ที่ค้างสต็อกประมาณ 780,000 ชุด ตั้งแต่ปี 2543 ซึ่งขณะนี้ได้ผลสอบสวนแล้ว คณะกรรมการฯ มีความเห็นให้ดำเนินการทางวินัยกับผู้ที่เกี่ยวข้องตั้งแต่อดีต ผอ.องค์การค้าฯ และเจ้าหน้าที่ ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2543 ด้วย แม้บางคนจะอายุมาก เจ็บป่วย ก็ไม่ละเว้น ต้องรับผิดชอบ เพราะมีการดำเนินการที่ไม่ถูกต้อง ว่าสาเหตุใดถึงไม่ยอมนำชุดนักเรียนที่ค้างอยู่ในสต็อกออกมาจำหน่าย ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้รับรายงานว่า คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยได้มีมติให้รองอธิการบดีและเจ้าหน้าที่ 3 รายออกจากราชการ กรณีทุจริตเบิกเงินล่วงหน้าโดยใช้เอกสารปลอม จำนวน 13 ล้านบาท ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม แต่ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการยื่นอุทธรณ์คำสั่งมายังสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)
ทั้งนี้ยังมีประเด็นที่ประชุมหยิบยกขึ้นมาพิจารณาเพิ่มเติมใหม่อีก 2 เรื่อง ได้แก่ กรณีสำนักงานเลขาธิการคุรุสภาได้จัดให้มีการมอบเข็มครุสดุดีทองคำให้แก่คณะกรรมการคุรุสภา ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีความเห็นว่า เป็นการดำเนินการไม่ถูกต้องและผิดวัตถุประสงค์ของการดำเนินโครงการดังกล่าว ดังนั้นที่ประชุมจึงให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงโดยเร็ว ส่วนกรณีการปรับปรุงห้องเรียนอิเล็กทรอนิกส์ และห้องสมุดคุณภาพมาตรฐานสากล วงเงิน 340 ล้านบาท ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ซึ่งเป็นการดำเนินการจัดให้โรงเรียน สพฐ.100 แห่ง โดยงบประมาณดังกล่าวเป็นงบลงทุนรวมค่าสิ่งปลูกสร้างและครุภัณฑ์รวมอยู่ด้วย แต่คณะทำงานที่ลงไปตรวจสอบพบว่า โรงเรียนส่วนใหญ่ให้ข้อมูลมีผู้ประสานงานมาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในพื้นที่ นำเสนอรายการวัสดุอุปกรณ์ของโครงการโดยมี สพฐ.เป็นผู้จัดสรรงบ แต่ไม่ได้กำหนดสเปกหรือรายละเอียดให้ โดยมอบให้โรงเรียนเป็นผู้ดำเนินการเอง ซึ่งโรงเรียน 7 โรงคืนเงินเพราะไม่อยากทำ โดยขณะนี้คณะกรรมการฯ สรุปผลว่ามีความผิด ทำไม่ถูกต้อง
"แต่ละหน่วยงานได้วางมาตรการป้องกันทั้งการฝึกอบรมสร้างหลักธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการ และการสร้างความรู้ความเข้าใจถึงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างอย่างถูกต้อง ให้เกิดความโปร่งใสในการปฏิบัติงาน ซึ่ง รมช.ศึกษาธิการเองยังได้ย้ำด้วยว่า ขอให้คณะกรรมการชุดต่างๆ ที่ตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบกรณีทุจริตนั้นปฏิบัติงานแก้ปัญหาโดยเร็ว และหากพบคณะกรรมการชุดใดทำงานล่าช้าจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด" โฆษก ศธ.กล่าว.
ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ วันที่ 15 มิถุนายน 2559