LASTEST NEWS

23 ธ.ค. 2567ข่าวดี! โรงเรียนสวนกุหลาบฯ เพชรบูรณ์ ประกาศหยุดพิเศษ 2-3 ม.ค. 68 เปิดโอกาสใช้เวลาอบอุ่นกับครอบครัวช่วงปีใหม่ ยาว ๆ 9 วันเต็ม 23 ธ.ค. 2567สพป.อุบลราชธานี เขต 3 ขอใช้บัญชีครูผู้ช่วย สพป.อุบลราชธานี เขต 5 จำนวน 23 อัตรา - รายงานตัว 2 มกราคม 2568 23 ธ.ค. 2567โรงเรียนบ้านหนองบัว รับสมัครครูอัตราจ้าง วุฒิปริญญาตรีทุกสาขา เงินเดือน 6,000 บาท ตั้งแต่บัดนี้ - 25 ธันวาคม 2567 21 ธ.ค. 2567ปฏิทินการจ่ายเงินเดือนข้าราชการและค่าจ้างลูกจ้างประจำ ประจำปี 2568 20 ธ.ค. 2567สพป.บึงกาฬ เรียกบรรจุครูผู้ช่วย (ขอใช้บัญชี สพม.หนองคาย) จำนวน 3 อัตรา - รายงานตัว 2 มกราคม 2568 20 ธ.ค. 2567​​​​​​​กรมบัญชีกลาง เปิดสอบพนักงานราชการ 27 อัตรา ไม่ต้องผ่าน ภาค ก ตั้งแต่ 3 - 24 มกราคม 2568 19 ธ.ค. 2567สพป.บุรีรัมย์ เขต 1 ขอใช้บัญชีครูผู้ช่วย เขตอื่น ใช้บรรจุ 2 วิชาเอก 13 อัตรา รายงานตัว 26 ธันวาคม 2567 19 ธ.ค. 2567สพป.มหาสารคาม เขต 2 เผยบัญชีตำแหน่งว่างใช่บรรจุครูผู้ช่วย รอบที่ 5  19 ธ.ค. 2567สพป.อุดรธานี เขต 4 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย 45 อัตรา 18 ธ.ค. 2567ผู้บริหาร สพฐ. ร่วมประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ครั้งที่ 10/2567

การศึกษาแห่งชาติ

  • 25 เม.ย. 2559 เวลา 07:26 น.
  • 3,637
การศึกษาแห่งชาติ

นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ LINE it! - +

การศึกษาแห่งชาติ
หากแต่ประเทศจีนซึ่งเดิมทีเคยเป็นประเทศที่มีคนอ่านหนังสือมาก แต่จากการสำรวจของทางการจีนก็ได้พบเช่นกันว่า สถิติการอ่านหนังสือของคนจีนก็อยู่ในระดับที่ต่ำมาก

ทุกปีของเดือนเมษายนจะเป็นช่วงที่ไทยเรามีงานใหญ่อยู่ นั่นคือ “งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ” ที่มีผู้คนมากมายไปเที่ยวชมและซื้อหนังสือกันหนาแน่น ทำให้แปลกใจเหมือนกันว่า เมื่อพูดถึงเรื่องการอ่านหนังสือแล้วนั้นที่คนไทยโดยเฉลี่ยนั้นอ่านหนังสือน้อยมาก จนภาครัฐต้องเข้ามาช่วยรณรงค์ให้คนไทยอ่านมากขึ้น จนเคยถึงกับตั้งเป็น “วาระแห่งชาติ” ก็ตาม

ทั้งนี้จากข้อมูลที่มีการสำรวจโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติที่พบว่า โดยเฉลี่ยแล้วคนไทยให้เวลากับการอ่านหนังสือเพียงวันละเพียง 39 นาที หรือเทียบเท่ากับการอ่านโดยเฉลี่ยเพียงปีละ ประมาณ 2 – 3 เล่มต่อคนต่อปีเท่านั้น ซึ่งหากเทียบกับเพื่อนบ้านในอาเซียนที่บ้านใกล้เรือนเคียงนั้นมีสถิติการอ่านต่อปีมากว่าคนไทยถึงกว่า 10 เท่า

หากแต่ประเทศจีนซึ่งเดิมทีเคยเป็นประเทศที่มีคนอ่านหนังสือมาก แต่จากการสำรวจของทางการจีนก็ได้พบเช่นกันว่า สถิติการอ่านหนังสือของคนจีนก็อยู่ในระดับที่ต่ำมาก โดยการสำรวจการอ่านของปี พ.ศ. 2555 ระบุว่าคนที่อายุระหว่าง 18 – 70 ปี อ่านหนังสือเฉลี่ยเพียงปีละ 6.7 เล่ม ซึ่งตัวเลขนี้รวมถึงหนังสือทั้งที่เป็นเล่มและอีบุ๊ก โดยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านั้นถือว่าดีขึ้นมานิดเดียว คือเพิ่มขึ้นเพียง 1 เล่มต่อปีเท่านั้น ทั้งนี้หากเทียบกับคนสหรัฐอเมริกันนั้น มีการอ่านหนังสือเฉลี่ยที่ 10.5 เล่มต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ห่างไกลกันมาก

อย่างไรก็ตาม สำหรับปัญหาการอ่านนี้รัฐบาลจีนก็มิได้เพิกเฉย ถึงกลับได้พยายามที่จะออกกฎหมายเพื่อมาใช้บังคับให้คนต้องอ่านหนังสือบ้าง โดยสภานิติบัญญัติของจีนได้เสนอกฎหมายว่าด้วยการอ่านหนังสือ เพื่อนำมาบังคับใช้ให้เป็นรูปธรรม แต่เรื่องดังกล่าวก็เหมือนกับเงียบกันไป

แต่จากความเป็นจริงนั้น จีนเป็นประเทศหนึ่งที่มีการผลิตหนังสือใหม่ๆ และหนังสือดีๆ ออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นหนังสือวรรณกรรมดีๆ ที่ได้รางวัลระดับโลก จะมีแปลเป็นภาษาจีนในเวลาอันรวดเร็ว และหนังสือในจีนก็มียอดการขายที่ค่อนข้างดี โดยเฉพาะในร้านหนังสือจีนนั้น จะพบว่ามีหนังสือมากมายสารพัดสารเพ และสนนราคาก็ถูกแสนถูกหากเทียบกับหนังสือในบ้านเรา แต่ไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจดี เพราะในร้านหนังสือที่ประเทศจีน จะพบว่ามีคนหยิบหนังสือมานั่งมานอนอ่านกัน จนแทบจะไม่เหลือทางให้เดินด้วยซ้ำไป และร้านหนังสือเองก็ไม่เห็นออกมาว่า หรือไล่ไป หรือว่าคงเบื่อและขี้เกียจไล่ก็ไม่รู้ โดยเฉพาะในช่วงที่ปิดเทอม เด็กๆ ก็จะมาที่ร้านหนังสือมานั่งนอนอ่านกันทุกวัน ราวกับเป็นห้องสมุดของตนเอง หนังสือบางเล่มก็เสียหายและชำรุดไปตามการอ่านของผู้คน แต่มาคิดอีกแง่หนึ่งก็ยังดีที่คนรักการอ่าน แม้ว่าจะทำอะไรที่เราดูแล้วมันประหลาดและไม่น่ารักเท่าไรนักก็ตาม

ในความเป็นจริงของสถิติที่ทางการจีนรายงาน ก็ทำให้แปลกใจเล็กน้อย เพราะจากที่พบเห็น คนจีนอ่านหนังสือกันตั้งมากมาย ไม่วายแม้แต่ร้านหนังสือที่เนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่มาเพื่อจะก้มหน้าก้มตาอ่านกันอย่างเอาจริงเอาจังทีเดียว แม้แต่ในห้องสมุดผู้คนก็คนหนาแน่น จนถึงกับต้องเล่นเก้าอี้ดนตรีกันตั้งแต่เช้าตรู่ที่ห้องสมุดเปิดบริการเลยทีเดียว โดยเฉพาะห้องสมุดในมหาวิทยาลัยที่จะมีนักศึกษาจีนมายืนอออยู่หน้าห้องสมุดตั้งแต่ก่อนห้องสมุดเปิด เพื่อมารอใช้บริการ และที่นั่งในห้องสมุดจะหมดอย่างรวดเร็วในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง และบรรดานักศึกษาจีนเหล่านี้ก็แทบจะสิงสถิตอยู่แต่ในห้องสมุด ไม่ลุกไปไหนทั้งวัน ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือ มีการเตรียมกระติกน้ำมาเพื่อดื่มน้ำ ทางห้องสมุดจะมีน้ำร้อนไว้ให้คนกดดื่ม ซึ่งไม่ใช้กระติกให้กด หากแต่เป็นเครื่องขนาดใหญ่ให้กดดื่มตามสบาย

ฉะนั้น ภาพของเด็กหรือนักศึกษามาใช้บริการห้องสมุดกันอย่างหนาแน่น เป็นภาพที่แทบหาไม่ได้ในประเทศไทย จะพบได้บ้างเฉพาะตามมหาวิทยาลัยชั้นนำของไทยในช่วงเวลาใกล้สอบในทุกครั้ง ที่จะมีนักศึกษามาใช้บริการจนเต็ม และขยายเวลาปิดออกไป ซึ่งหากในยามปกติห้องสมุดก็มักจะมีคนเพียงน้อยนิดเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม การอ่านหนังสือนั้นถือเป็นเรื่องที่ดีและน่าสนับสนุน ดังจะเห็นได้จากที่ทางการจีนได้พยายามหาวิธีต่างๆ ออกมาเพื่อแก้ปัญหาการอ่านน้อย

สำหรับประเทศไทยนั้นแม้จะมีความพยายามรณรงค์การอ่านของคนเด็กและเยาวชนไทยที่จะเป็นกำลังสำคัญของประเทศในอนาคต แต่ในความเป็นจริงแล้ว การที่รัฐพยายามออกมาแก้ไขหลักสูตรการเรียนโดยให้ลดเวลาเรียนลง ให้ทำกิจกรรมมากขึ้นก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดี แต่ทั้งนี้บรรดานักการศึกษา หรือกระทรวงศึกษาน่าจะออกมาปฏิรูปการศึกษาเสียใหม่ เพื่อให้เด็กรักการอ่านการเรียน การทำกิจกรรมต่างๆ การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และหน้าที่พลเมือง ตลอดจนการค้นหาความสนใจของผู้เรียน รวมไปถึงการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของบรรดาครูอาจารย์ให้ทัดเทียมกับประเทศอื่นๆ ที่บรรดาคนเก่งหรือมีความสามารถสนใจอยากที่จะแย่งกันออกมาเป็นครู และเมื่อเราได้บุคลากรที่มีคุณภาพ รักในอาชีพโดยไม่ต้องมาห่วงปากท้องตนมากนัก แต่รัฐไทยนั้นกลับกระทำในทางตรงข้าม โดยออกมาปรับโครงสร้างให้ครูอาจารย์ออกนอกระบบ เป็นเพียงพนักงานของรัฐ ซึ่งในอนาคตก็คงไม่มีสวัสดิการให้เช่นเดิม ไม่มีความมั่นคงในชีวิต แล้วจะมีใครเล่าอยากจะมาเป็นครู และทุ่มเทกับการอบรมสั่งสอนให้กับเด็กนักเรียนที่เป็นอนาคตของชาติ

ฤาเราจะสิ้นชาติก็เพราะการปฏิวัติการศึกษาแบบไรสติเช่นนี้

................................

คอลัมน์ : ฝ่ากำแพงเมืองจีน

โดย “อ.ดร.ศิริเพ็ชร ทฤษณาวดี”

ภาควิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์“

ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน 2559 เวลา 10:00 น.
 
  • 25 เม.ย. 2559 เวลา 07:26 น.
  • 3,637

TAGS ที่เกี่ยวข้อง >>

^