ผู้ตรวจฯ ชง นายกรัฐมนตรี ใช้ ม.44 ดัน ก.ม.การศึกษา เพื่อการปฏิรูป
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก- ก+
ผู้ตรวจฯ ชง นายกรัฐมนตรี ใช้ ม.44 ดัน ก.ม.การศึกษา เพื่อการปฏิรูปผู้ตรวจการแผ่นดิน ชงนายกฯ ใช้ ม.44 ผลักดันร่าง ก.ม.การศึกษา 15 ฉบับ เพื่อการปฏิรูป ได้ภายใน 5 ปี โดยไม่ผ่าน สนช. เชื่อเนื้อหาสอดคล้องการดำรงชีวิต วิถีคนไทย รวมถึงการเปลี่ยนแปลงโลก
เมื่อวันที่ 22 เม.ย.59 ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายศรีราชา วงศารยางกูร ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ร่วมประชุมกับบุคลากรทางการศึกษา และผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ นายชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ, นายโยธิน มูลกำบิล ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ และน.ส.ปราณี ศรีประเสริฐ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหารสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือถึงปัญหานโยบายการศึกษา ปัญหาโครงสร้างการศึกษา ระบบจัดหารศึกษา รวมถึงปัญหาคุณภาพผู้เรียน ก่อนจัดทำข้อเสนอที่จะเป็นข้อมูลสนับสนุนแก่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรมว.ศึกษาธิการ พิจารณาใช้ในการปฏิรูปการศึกษาไทยต่อไป
นายศรีราชา กล่าวว่า หลักการสำคัญในการปฏิรูปการศึกษา หลังพบว่า ปัญหาการศึกษาไทยมีการลงทุนสูงแต่ด้อยคุณภาพ และมีแนวโน้มคุณภาพลดลง อีกทั้งยังไม่มีนโยบายในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้นผู้ตรวจการแผ่นดินจึงเสนอหลักการนำไปสู่การปฏิรูปการศึกษา เช่น ให้มีการตั้งองค์กรที่มีอำนาจสูงสุด (super board) เพื่อกำหนดทิศทางแผนการพัฒนาการศึกษาของชาติเป็นช่วงๆ ปรับเปลี่ยนให้เกิดความทันสมัย โดยยกระดับการศึกษาเน้นพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณธรรม จริยธรรม อ่านออกเขียนได้ และประกอบอาชีพพื้นฐานได้ และเสนอให้จัดการศึกษาภาคบังคับ 9 ปี ตั้งแต่ปฐมวัยถึง ป.6 และให้แยกสายสามัญและสายอาชีวะตั้งแต่ชั้น ม.1 โดยจัดการเรียนการสอนสายอาชีวะในชั้น ม.1-3 ให้เด็กมีพื้นฐานและทักษะในการทำงาน และเมื่อจบชั้น ม.6 สามารถเปลี่ยนไปศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาได้ เสนอให้ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการสอน แก้ไขปัญหาขาดแคลนบุคลากรครู โดยการวัดผลและประเมินผลการศึกษาต้องเป็นมาตรฐานเดียวกันทุกระดับทั้งประเทศ ขณะเดียวกันใช้ผลสัมฤทธิ์ของเด็กเป็นตัวเลื่อนเงินเดือนครู
ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังเสนอให้ตั้งสถาบันครูศึกษา เพิ่มประสิทธิภาพและผลิตครูที่มีศักยภาพสูง พร้อมทั้งการันตีเงินเดือนครูต้องไม่ต่ำกว่าแพทย์ และเสนอให้ตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาระบบการศึกษาแห่งชาติ วางระบบหลักสูตร พัฒนาการศึกษาให้ทันสมัย สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศ รวมถึงจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาระบบหลักสูตรการศึกษาของชาติ ให้มีการปรับปรุงเนื้อหาการสอนให้สอดคล้องกับการดำรงชีวิต และวิถีชีวิตของคนไทย รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของวิถีโลก ทั้งนี้ขอให้นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ในการผ่านร่าง พ.ร.บ.การศึกษา ทั้ง 15 ฉบับที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอ โดยไม่ต้องผ่านที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ซึ่งหากร่าง พ.ร.บ.การศึกษา ทั้ง 15 ฉบับผ่านจะได้เชื่อมโยงการทำงานได้ทั้งระบบ และนำข้อเสนอปฏิรูปการศึกษาไปสู่การปฏิบัติให้ได้อย่างจริงจังและครบถ้วน อย่างช้าภายในไม่เกิน 5 ปี
ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ โดย ไทยรัฐออนไลน์ 22 เม.ย. 2559 เวลา 17:05 น.