LASTEST NEWS

21 ธ.ค. 2567ปฏิทินการจ่ายเงินเดือนข้าราชการและค่าจ้างลูกจ้างประจำ ประจำปี 2568 20 ธ.ค. 2567สพป.บึงกาฬ เรียกบรรจุครูผู้ช่วย (ขอใช้บัญชี สพม.หนองคาย) จำนวน 3 อัตรา - รายงานตัว 2 มกราคม 2568 20 ธ.ค. 2567​​​​​​​กรมบัญชีกลาง เปิดสอบพนักงานราชการ 27 อัตรา ไม่ต้องผ่าน ภาค ก ตั้งแต่ 3 - 24 มกราคม 2568 19 ธ.ค. 2567สพป.บุรีรัมย์ เขต 1 ขอใช้บัญชีครูผู้ช่วย เขตอื่น ใช้บรรจุ 2 วิชาเอก 13 อัตรา รายงานตัว 26 ธันวาคม 2567 19 ธ.ค. 2567สพป.มหาสารคาม เขต 2 เผยบัญชีตำแหน่งว่างใช่บรรจุครูผู้ช่วย รอบที่ 5  19 ธ.ค. 2567สพป.อุดรธานี เขต 4 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย 45 อัตรา 18 ธ.ค. 2567ผู้บริหาร สพฐ. ร่วมประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ครั้งที่ 10/2567 18 ธ.ค. 2567สพม.สงขลา สตูล เรียกบรรจุครูผู้ช่วย 10 อัตรา - รายงานตัว 24 ธันวาคม 2567 18 ธ.ค. 2567กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เปิดสอบบรรจุเข้ารับราชการ 21 อัตรา สมัครทางอินเทอร์เน็ต ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2567 - 21 มกราคม 2568 18 ธ.ค. 2567 โอกาสดีมาถึงแล้ว!  ทุนเรียนต่อครู สควค. ม.เกษตรศาสตร์ เปิดรับสมัครทั่วประเทศ จบแล้วบรรจุเป็นครูทันที! สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ - 10 ม.ค. 2568

ขยะประชานิยม ยังจำแท็บเล็ตแจกเด็ก ป.1 ได้ไหม ?/สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

  • 28 ก.พ. 2559 เวลา 09:28 น.
  • 2,753
ขยะประชานิยม ยังจำแท็บเล็ตแจกเด็ก ป.1 ได้ไหม ?/สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ LINE it! - +

ขยะประชานิยม ยังจำแท็บเล็ตแจกเด็ก ป.1 ได้ไหม ?/สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

        ยังจำได้ไหมถึงโครงการแจกแท็บเล็ตเด็ก ป. 1 โครงการประชานิยมที่ล้มไม่เป็นท่า และกลายเป็นซาก สร้างภาระให้สังคมอย่างมากมาย 
       
       ในยุคของรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีนโยบายแจกแท็บเล็ตเด็ก ป.1 ซึ่งกลายเป็นประเด็นที่ถกเถียงถึงความเหมาะสม หรือไม่เหมาะสม และไม่มีการเตรียมความพร้อมรองรับในทุกด้าน จนกลายเป็นปัญหาให้กับวงการศึกษาไทย และเด็กก็ตกเป็นเหยื่ออีกครั้ง
       
       ดิฉันจำได้ว่าครั้งนั้นแม้มีนักวิชาการดาหน้าออกมาคัดค้าน และแสดงความไม่เห็นด้วย แต่รัฐบาลขณะนั้นก็เดินหน้าไม่สนใจ และก็แจกเด็กไปทั่วประเทศ พอเข้าสู่ปีที่ 2 ก็ทำท่าจะแจกเพิ่มอีก แต่มามีปัญหาเรื่องการสั่งผลิตจากจีนที่ไม่สามารถผลิตได้ทันตามกำหนดระยะเวลา จนเมื่อมาถึงรัฐบาลชุดคุณประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ยกเลิกโครงการนี้ไปในที่สุด
       
       นับเป็นบุญของประเทศอยู่บ้าง ที่ผู้นำขณะนั้นได้สั่งยกเลิกโครงการ อย่างน้อยก็ทำให้หยุดความเสียหายไว้แค่ที่มี
       
       แต่แค่ไอ้ “แค่ที่มี” มันก็หนักหนาสาหัสเอาการอยู่ !
       
       ดิฉันหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะได้มีโอกาสเห็นสภาพของเจ้าแท็บเล็ตที่ปัจจุบันเริ่มกลายเป็นขยะอิเลคทรอนิคส์ที่สร้างปัญหาอย่างมากให้กับบ้านเรา เพราะโดยสภาพของเครื่องที่ตอนนี้ล้วนไม่สามารถใช้งานได้ ทำให้ต้องกองเป็นขยะจำนวนมาก กลายเป็นซากแบบครบชุดคือทั้งแท็บเล็ต และอุปกรณ์เสริม
       
       ผู้บริหารสถานศึกษาแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ เล่าให้ฟังว่า ตอนนี้ไม่มีใครใช้แท็บเล็ตเครื่องที่ได้รับแจกมาฟรีแล้ว เพราะเสียหมด มีทั้งที่ยังไม่ได้ใช้เลย และที่ใช้ไม่ได้ แต่สรุปก็คือ ตอนนี้ไม่ได้ใช้แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับสถานศึกษาอีกหลายแห่ง ด้วยหลากหลายสาเหตุ
       
       “มีปัญหาหน้าจอ เครื่องค้างและเสียบ่อย ทำให้ต้องส่งไปซ่อมที่ศูนย์เครือข่ายที่เขากำหนดไว้ แต่ก็นานมาก บางทีก็ต้องส่งไปร้านอื่น ซึ่งก็ต้องจ่ายเงินค่าซ่อมเอง ตอนนี้เครื่องที่เสียก็เลยไม่ได้เอาไปซ่อม เพราะไม่รู้ว่าใครจะจ่ายค่าซ่อม”
       
       ส่วนเรื่องการเชื่อมต่อสัญญาณไวไฟ (Wi Fi) ก็เป็นอีกปัญหาอยู่เหมือนเดิม สุดท้ายตอนนี้ก็เลยกองเป็นขยะอยู่ในห้องเก็บของ
       
       ความจริงประเด็นเหล่านี้ก็พอเข้าใจได้ และก็ถูกประมินก่อนหน้านี้จากบรรดานักวิชาการแล้วว่า ผลกระทบของโครงการนี้ที่ไม่ได้มีมาตราการใด ๆ รองรับ จะต้องมีมากมายมหาศาล ยิ่งปัจจุบันนี้ขยะอิเลคทรอนิคส์ในบ้านเรากำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ และกำลังจะติดอันดับโลก ถ้าไม่ได้รับการแก้ไข
       
       ตัวเลขขยะอิเล็กทรอนิกส์ปี 2555 พบว่า มีประมาณ 359,070 ตัน ร้อยละ 50.38 ของปริมาณของเสียอันตรายชุมชนทั่วประเทศ ซึ่งเกิดขึ้นประมาณ 712,770 ตัน
       
       โดยสถิติขยะอิเล็กทรอนิกส์ในรอบ 5 ปี ที่ผ่านมาของกรมควบคุมมลพิษ พบว่า แนวโน้มเครื่องใช้ไฟฟ้าที่นิยมใช้ในครัวเรือนมีเพิ่มขึ้น เช่น โทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น คอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์/เครื่องโทรสาร และโทรศัพท์มือถือ
       
       ส่วนคอมพิวเตอร์ มีการใช้งาน 2.8 ล้านเครื่อง โดยอายุการใช้งานของโทรศัพท์มือถือ มีอายุเฉลี่ย 3 ปี ทีวีจอซีอาร์ที หรือจอก้นยาว มีอายุเฉลี่ย 6.9 ปี และโทรทัศน์จอบาง มีอายุเฉลี่ย 3.8 ปี คอมพิวเตอร์ มีอายุเฉลี่ย 3.65 ปี ซึ่งคาดการณ์ว่าในปี 2559 จะมีซากทีวีเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ 2.8 ล้านเครื่อง โทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์อีกประมาณ 10.9 ล้านเครื่อง และ 2.6 ล้านเครื่อง ตามลำดับ
       
       นั่นหมายความว่า ตัวเลขประมาณการณ์ขยะอิเลคทรอนิคส์ขณะนั้น ยังไม่ได้รวมเจ้าแท็บเล็ตประชานิยมอีกประมาณ 1 ล้านเครื่อง
       
       ในขณะที่ขยะอิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่มีส่วนประกอบของสารพิษประเภทโลหะหนักที่มีมาก ได้แก่ ตะกั่ว ปรอทแคดเมียม สารหนู กำมะถัน และสารเคมีอีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจอมอนิเตอร์ของเครื่องคอมพิวเตอร์โดยทั่วไปมีตะกั่วเป็นองค์ประกอบสูงถึงร้อยละ 6
       
       ส่วนผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพก็ตามมาอีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น ตะกั่วทำลายระบบประสาท ต่อมไร้ท่อ ไต ระบบเลือด และการพัฒนาสมองของเด็ก ฯลฯ
       
       ยังไม่นับรวมถึงปัญหาเรื่องสายตา เรื่องพัฒนาการของเด็ก และปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย
       
       สงสารเด็กไทยที่ต้องตกเป็นเหยื่อซ้ำ ๆ กับนโยบายประชานิยม และนโยบายที่ไม่ได้ผ่านการกลั่นกรองที่เหมาะสมกับการพัฒนาเด็กอย่างแท้จริง
       
       แม้เลิกแล้ว ก็ยังเหลือเป็น “ขยะ” ภาระสังคมอีก !

ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: หนังสือพิมพ์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2559 10:34 น. (แก้ไขล่าสุด 24 กุมภาพันธ์ 2559 17:27 น.)
 
  • 28 ก.พ. 2559 เวลา 09:28 น.
  • 2,753

TAGS ที่เกี่ยวข้อง >>

^