สพฐ.สุดปลื้ม!ลดเวลาเรียนครู-นร.แฮปปี้
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
นายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาฯ กพฐ.) กล่าวถึงผลการดำเนินงานโครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลสรุปของสมาร์ทเทรนเนอร์ และข้อมูลสรุปผลการติดตามการดำเนินงานเชิงประจักษ์ หลังจากได้ดำเนินโครงการนี้ไปกว่า 2 เดือน พบว่า รร.มีความพร้อมดำเนินงานในภาพรวม 86.23% โดยแบ่งเป็นสถานศึกษามีความพร้อมในการบริหารจัดการอย่างเต็มศักยภาพ 95.31% รองลงมา รร.จัดตารางเรียนกับกิจกรรมสอดคล้องกัน 93.63% และ รร.ที่มีการจัดแหล่งเรียนรู้ที่เหมาะสม 86.75%
ทั้งนี้ สำหรับผลการดำเนินงานในภาพรวมพบว่า นักเรียนมีความสุข ตื่นตัว ต้องการเข้าร่วมกิจกรรม 96% ครูร่วมกิจกรรมกับนักเรียนได้อย่างมีความสุข 93% ชุมชนและหน่วยงานอื่นเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรม 41% ผู้ปกครองและชุมชนตื่นตัวให้ความสนใจกิจกรรมที่โรงเรียนดำเนินการ 61% ซึ่งจากการดำเนินกิจกรรมเสริมสร้างทักษะเด็กใน 4 ด้าน คือ 1.สมอง ฝึกทักษะการคิด วิเคราะห์ 2.หัวใจ ฝึกการมีคุณธรรม จริยธรรม 3.มือ ฝึกทักษะอาชีพ และ 4.สุขภาพ ฝึกความแข็งแรงของร่างกาย ใน รร.ประถมศึกษาขนาดกลางและขนาดเล็กมีการกิจกรรมประเภทสมองน้อยกว่ากิจกรรมประเภทอื่นๆ ส่วน รร.ประถมศึกษาขนาดใหญ่และ รร.มัธยมศึกษาจัดกิจกรรมประเภทสมองมากกว่ากิจกรรมประเภทอื่นๆ ในขณะที่ รร.ขยายโอกาสมีการจัดกิจกรรมประเภทมือมากที่สุด
สำหรับปัญหาที่พบในการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้พบว่า ครูขาดความรู้ความเข้าใจและไม่มีเวลาจัดทำแผน ซึ่งเป็นปัญหาที่ รร.สามารถแก้ไขได้เอง ส่วนปัญหานักเรียนสนใจเข้าร่วมกิจกรรมจนไม่มีสมาธิในการเรียนชั่วโมงปกตินั้น สถานศึกษาต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบกิจกรรม และจัดให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น อีกทั้งยังมีปัญหานักเรียนสับสนเวลาในการทำกิจกรรม ความแตกต่างระหว่างวัยในการทำกิจกรรมที่คละชั้น หรือครูไม่เพียงพอต่อกิจกรรม กิจกรรมที่จัดไม่ตรงกับความถนัดของครู รวมไปถึงปัญหาขาดแคลนวัสดุ อุปกรณ์ และงบประมาณ เป็นปัญหาที่ทาง สพฐ.ได้ส่งงบสนับสนุนไปยังโรงเรียนขนาดเล็กดำเนินการแก้ไขเบื้องต้นแล้ว เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของโครงการ
"จากการดำเนินงานตามโครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ที่ผ่านมา พบว่า นักเรียน ครู และผู้ปกครองมีความสุข และมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี ทั้งนี้ ในปีการศึกษา 2559 สพฐ.จะขยายผลเพิ่มเติมอีก 10,699 โรงเรียน โดยจะสำรวจ รร.ที่ได้ดำเนินโครงการคู่ขนานอยู่แล้ว ก่อนจะเปิดรับสมัคร รร.ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ นอกจากนี้ยังจัดอบรมพัฒนาสมาร์ทเทรนเนอร์ให้มีจำนวนมากขึ้น รวมไปถึงจะมีการจัดประกวด Best Practice รร.ที่ประสบผลสำเร็จในกิจกรรม 4H เพื่อเป็นตัวอย่างแก่โรงเรียนทั่วไป ด้านครูที่มองว่าเป็นการเพิ่มภาระงานนั้น ปัจจุบันครูก็มีความเข้าใจมากขึ้น ดูได้จากผลสำรวจของการดำเนินงานที่ครูมีความสุขถึง 93%" เลขาฯ กพฐ.กล่าว.
ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ วันที่ 06 มกราคม พ.ศ. 2559