ออมสินเสนอล้วงเงินอนาคตแก้หนี้ครู
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก- ก+
ออมสินเสนอล้วงเงินอนาคตแก้หนี้ครูศธ.-ออมสินร่วมหาทางแก้ปัญหาหนี้ครู เสนอนำเงินอนาคตจากกองทุน ช.พ.ค.มารีไฟแนนซ์หนี้ปัจจุบัน เตรียมเสนอ ครม. 22 ธันวาคมนี้
ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มีการประชุมหารือระหว่างนายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กับ นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ปลัด ศธ.) และนายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (เลขาฯ ก.ค.ศ.) ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) โดยมี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธาน เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้สินครูร่วมกัน
โดย นพ.กำจรกล่าวภายหลังการหารือว่า ธนาคารออมสินได้รายงานความคืบหน้า ว่าหลังจากที่ธนาคารได้เปิดให้ครูที่ผิดนัดชำระหนี้มากกว่า 3 งวดขึ้นไป และถูกธนาคารแจ้ง
เตือนให้ชำระหนี้ (โนติส) ไปแล้ว 13,405 คน ปรากฏว่ามีครูติดต่อมาขอไกล่เกลี่ยจำนวน 6,023 คน เริ่มชำระหนี้แล้วจำนวน 1,521 คน ปิดบัญชีแล้วจำนวน 21 คน ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ โดยแบ่งเป็นกลุ่มเช่นเดียวกับผู้ที่เข้าร่วมมาตรการแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ออกไปก่อนหน้านี้ และยุติโครงการไปเมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่วนผู้ที่ยังไม่มาติดต่ออีกจำนวน 7,382 คน ทาง ศธ.ได้ขอให้ธนาคารออมสินดำเนินการยื่นโนติสอีกครั้ง หากยังไม่มาติดต่อก็ให้ดำเนินการฟ้องร้องตามกฎหมายต่อไป
นพ.กำจรกล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้หารือถึงมาตรการแก้ไขอื่นๆ โดยทางธนาคารออมสินเสนอแนวทางให้ใช้เงินอนาคต เช่น การใช้เงินการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ของ สกสค.ที่ใช้ในการค้ำประกันเงินกู้ ซึ่งญาติจะได้รับหลังจากสมาชิกเสียชีวิต มาใช้ในการรีไฟแนนซ์ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่ค้างชำระกับทางธนาคารส่วนหนึ่งก่อน แต่ไม่ใช่เป็นการก่อหนี้เพิ่ม ส่วนอัตราดอกเบี้ยจะเป็นเท่าไรนั้นยังไม่สามารถบอกได้ โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ 6-6.5 ต่อปี ทั้งนี้ จะเสนอเรื่องดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 22 ธันวาคมนี้ เพื่อเห็นชอบ ขณะเดียวกันธนาคารออมสินยังเสนอให้นำเงินบำเหน็จตกทอด ซึ่งญาติจะได้รับหลังจากข้าราชการเสียชีวิต มาใช้ในการค้ำประกันเงินกู้เช่นเดียวกับเงิน ช.พ.ค.ได้หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ต้องแก้กฎหมาย และต้องไปรายละเอียดให้รอบคอบ เพราะมีความเกี่ยวข้องกับหลายส่วน อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้ครูที่เป็นหนี้ ในการลดภาระการผ่อนชำระและลดดอกเบี้ยเท่านั้น ไม่ใช่การใช้หนี้แทน
"ส่วนที่จะเสนอให้ธนาคารออมสินยกเลิกการคืนเงินให้กับกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคง ตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. และเปลี่ยนมาเป็นลดดอกเบี้ยให้ผู้กู้แทนนั้น รมว.ศธ.อยากให้นำเงินจำนวนนี้มาใช้บริหารจัดการเรื่องสวัสดิการครูมากกว่าการยกเลิก โดยเฉพาะครูที่อยู่ในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) ซึ่งจะได้รับเงินเดือนไม่ตรงในช่วงเปลี่ยนผ่านงบประมาณ ก็อาจจะนำเงินดังกล่าวไปช่วยก่อนได้ สำหรับครูที่ค้างชำระหนี้ และธนาคารออมสินหักเงินส่วนนี้ไปชำระหนี้แทนนั้น ขณะนี้ สกสค.อยู่ระหว่างการติดตามทวงหนี้ซึ่งจะต้องนำเงินมาคืนทั้งหมด" ปลัด ศธ.กล่าว
ด้านนายชาติชายกล่าวว่า เงิน ช.พ.ค.เป็นเงินที่ครูนำมาค้ำประกันหนี้อยู่แล้ว แต่ธนาคารพยายามจะบริหารจัดการโดยนำเงินส่วนหนึ่งมาตั้งเป็นวงเงินกู้ เพื่อลดภาระในการผ่อนชำระ แต่ไม่ได้นำเงิน ช.พ.ค.มาทั้งหมด 100% ซึ่งหาก ครม.เห็นชอบตามที่ธนาคารออมสินเสนอ ให้เงิน ช.พ.ค.มารีไฟแนนซ์ จะมีครูที่เป็นลูกหนี้ของธนาคารออมสินประมาณ 3 แสนคน สามารถเคลียร์ยอดหนี้ได้ในวงเงินที่เพียงพอ โดยปัจจุบันมีครูที่กู้เงินจากธนาคารออมสินประมาณ 490,000 คน มูลหนี้รวมกว่า 490,000 ล้านบาท.
ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ วันที่ 15 ธันวาคม 2558