สพฐ.พอใจแผน "ลดเวลาเรียน" เล็งเพิ่มกิจกรรมพัฒนาสมอง
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก- ก+
สพฐ.พอใจแผน "ลดเวลาเรียน" เล็งเพิ่มกิจกรรมพัฒนาสมองสพฐ.พอใจผลงาน "ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้" หลังผ่านไปได้ครึ่งเดือน เตรียมส่งคณะทำงานออกติดตามประเมินผล พร้อมเล็งเพิ่มความเข้มข้นกิจกรรมพัฒนาสมอง-จิตใจ มั่นใจภาคเรียนหน้ามีโรงเรียนร่วมโครงการเพิ่ม ขณะที่ กช.ระบุ"นักเรียน-ผู้ปกครอง"มีความสุข ดึงโรงเรียนเอกชนนอกระบบร่วมพัฒนากิจกรรม
นายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวถึงการนำร่องนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ในโรงเรียน 4,100 แห่ง ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่าหลังจากมีการดำเนินงานผ่านไปได้ครึ่งเดือน ในภาพรวมต้องถือว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทุกโรงเรียนสามารถดำเนินงานตามนโยบายได้ดี
อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะมีคณะทำงานออกไปติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติงานเชิงคุณภาพที่เป็นปัจจุบัน เพื่อนำมาใช้ในการปรับปรุงการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้จากการติดตามหลังเริ่มดำเนินโครงการมาได้ครึ่งเดือนพบว่า อาจจะต้องมีการปรับปรุงรูปแบบของกิจกรรมที่เกี่ยวกับการพัฒนาด้านสมองและจิตใจให้มีความเข้มข้นมากขึ้น โดยจะกำชับเรื่องดังกล่าวในการประชุมสมาร์ทเทรนเนอร์ในวันที่ 23-24 พ.ย.นี้
ส่วนปีการศึกษา 2559 จะมีการเพิ่มจำนวนโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการแค่ไหนนั้น คงไม่สามารถตอบได้ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ แต่มั่นใจว่าจะมีการขยายจำนวนโรงเรียนเพิ่มแน่นอน
ส่วนการดำเนินงานตามนโยบายการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาล ได้กำชับหน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินงานตามกรอบที่กำหนด โดยสถานศึกษาที่ได้รับงบประมาณจะต้องทำสัญญาก่อหนี้ผูกพัน และเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในเดือนธ.ค.นี้ ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้สำนักติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน สพฐ. ทำโปรแกรมเพื่อติดตามการใช้งบประมาณอย่างใกล้ชิด ที่สำคัญจะต้องมีการดำเนินงานที่โปร่งใสและเป็นไปตามระเบียบของทางราชการ
ขณะที่นายอดินันท์ ปากบารา เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เปิดเผยว่า จากการติดตามผลการดำเนินกิจกรรมของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) 216 แห่งที่เข้าร่วมโครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ภาพรวมพบว่าการดำเนินงานเป็นที่น่าพึงพอใจ
โดยโรงเรียนที่ร่วมโครงการจะจัดกิจกรรมใน2รูปแบบ คือ จัดกิจกรรมหลังเวลา14.00น.เป็นต้นไป และจัดกิจกรรมสอดแทรกในช่วงเวลาเรียนปกติมีกิจกรรมหลากหลายที่จะนำมาช่วยพัฒนาเด็กไม่ว่าจะเป็นดนตรี ศิลปะ ภาษา หรือชมรมต่างๆ ซึ่งทางโรงเรียนบอกว่าการวางช่วงเวลากิจกรรมดังกล่าวเปิดโอกาสให้โรงเรียนนำกิจกรรมต่างๆที่มีอยู่แล้วมาพัฒนาเด็กได้มากขึ้น
ขณะเดียวกัน ยังได้สอบถามนักเรียนก็พบว่า นักเรียนพึงพอใจและมีความสุขมาก เช่นเดียวกับผู้ปกครองยังบอกว่าน่าจะทำแบบนี้นานแล้ว
"สิ่งหนึ่งที่เป็นความแตกต่างของการจัดกิจกรรมในโครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ของโรงเรียนเอกชน และโรงเรียนสังกัดสพฐ. นั่นคือได้รับความร่วมมือจากโรงเรียนเอกชนนอกระบบ ซึ่งเปิดสอนในหลักสูตรเฉพาะทางต่างๆ อาทิ สอนทำอาหาร สอนลีลาศ สอนขับรถ เป็นต้น มาร่วมกับโรงเรียนเอกชนที่ร่วมโครงการในการจัดกิจกรรมต่างๆด้วย เพราะโรงเรียนนอกระบบเหล่านี้เองก็มีความพร้อมและอยากจะมีส่วนร่วมที่จะพัฒนาเด็กของเราทุกคนให้เรียนอย่างมีความสุข จุดนี้แสดงให้เห็นถึงความพร้อมและความตั้งใจของผู้บริหารทุกฝ่ายด้วย" ส่วนกรณีที่เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ พร้อมด้วยเครือข่ายเยาวชนงดเหล้าภาคใต้ ขอให้ตรวจสอบกรณีโรงเรียนเอกชนชื่อดังอนุญาตให้ศิษย์เก่าใช้พื้นที่จัดงานแข่งขันฟุตบอลและงานเลี้ยงรุ่นและพบว่ามีพริตตี้สาวเชียร์เบียร์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปรากฏภายในด้วยนั้น ขณะนี้เรื่องดังกล่าวยุติแล้ว และทางศิษย์เก่าก็ได้ทำหนังสือถึงโรงเรียนขอโทษในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทางโรงเรียนก็ชี้แจงว่าไม่ทราบมาก่อนจะมีเหตุการณ์ลักษณะนี้
อย่างไรก็ตาม ได้เน้นย้ำกับผู้บริหารโรงเรียนดังกล่าวให้ระมัดระวังมากขึ้นรวมถึงจะกำชับไปยังโรงเรียนเอกชนทุกแห่งว่าสถานศึกษาจะต้องเป็นเขตปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และปลอดบุหรี่ตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พ.ศ.2551และได้เสนอให้ทุกสถานศึกษาติดป้ายข้อความดังกล่าวในบริเวณสถานศึกษาให้เห็นชัดเจน
ขอบคุณเนื้อหาและที่มาของข่าวจาก : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ