ครูหยุย แจงตั้ง "Single Gateway" แก้ 2 ปัญหา เตือนถล่มเว็บโทษถึงติดคุก
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก- ก+
ครูหยุย แจงตั้ง "Single Gateway" แก้ 2 ปัญหา เตือนถล่มเว็บโทษถึงติดคุกครูหยุย แจง ตั้ง Single Gateway แก้ 2 ปัญหา "สื่อลามก-หมิ่นประมาทในสื่อออนไลน์" เตือน ถล่มเว็บเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติโทาติดคุก ชง รบ.ให้รายละเอียดที่ชัดเจนกับปชช.เหตุให้ข้อมูลผิดพลาดทำเข้าใจผิด
จากกรณีการนำเสนอ ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี จากการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ถึงจุดเริ่มต้น ในการจัดตั้ง Single Gateway โดยหนังสือระบุว่า ในปัจจุบันมีเด็กและเยาวชนใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตในทางที่ไม่เป็นประโยชน์ และก่อปัญหาต่อพฤติกรรมและคุณภาพในการเรียนรู้ของเด็ก เช่น การติดเกมออนไลน์ การเข้าถึงสื่อที่ไม่เหมาะสม จนอาจส่งผลให้เป็นปัญหาสังคมไทย ดังนั้น จึงให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงศึกษาธิการร่วมกันกำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว และให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที ร่วมกับ กระทรวงยุติธรรมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการจัดตั้ง Single Gateway เพื่อใช้เป็นเครื่องมือควบคุมเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม
เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 58 นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เปิดเผยกับทางทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ เกี่ยวกับ ข้อคำสั่งดังกล่าว ว่า แท้จริงการจัดตั้ง single gateway เพื่อแก้ปัญหาใหญ่ 2 เรื่อง คือ ต้องการคุมเข้มการเผยแพร่สื่อลามกอนาจารในเครื่องมือสื่อออนไลน์ โดยเฉพาะสื่อลามกที่เกี่ยวข้องกับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งมีโทษจำคุก 7 ปี เพื่อป้องกันการส่งต่อ ซึ่งปัญหาตรงนี้ น่าจะเกิดขึ้นในกลุ่มเยาวชนเป็นหลัก เนื่องจากเกิดความคึกคะนอง และเรื่องที่สอง คือ การใช้พื้นที่เว็บไซต์ในการหมิ่นประมาท ใช้คำพูดหยาบคาย ไม่เหมาะสม
นายวัลลภ กล่าวว่า "ผมว่า 2 เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ รัฐบาลมีหน้าที่แจงรายละเอียดและให้ความรู้กับประชาชนอย่างชัดเจน โดยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำหน้าที่เผยแพร่ข่าวสารและข้อมูลที่ถูกต้องให้กับประชาชน
ด้าน กรณีแก้ปัญหาเด็กติดเกม น่าจะเป็นคนละเรื่อง ไม่เกี่ยวเนื่องกัน เพราะเกมติดได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทั้งนี้เป็นความผิดพลาดของรัฐบาลที่ออกหนังสือชี้แจงไม่ชัดเจน จึงออกมาในลักษณะดังกล่าว ทำให้เกิดกระแสการต่อต้านและตื่นตระหนกของผู้ที่ได้รับผลกระทบ และใช้วิธีการผิดกฎหมาย เข้าไปถล่มเว็บไซต์ของหน่วยงานรัฐ ซึ่งนับว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ โทษสูงสุดถึงขั้นติดคุก หากเกิดความคิดเห็นต่างควรแสดงการต่อต้านด้วยวิธีอื่นมากกว่า การทำงานของรัฐบาล ไม่สามารถไปแทรกแซงหรือปิดกั้นสื่อหรือเว็บไซต์ต่างๆ ยกเว้นจะเป็นสื่อที่อันตรายจริงๆ จึงจะดำเนินการ ทั้งนี้รัฐยังอยู่ในช่วงของการศึกษา ยังไม่เริ่มต้นดำเนินการ หลังจากนี้คงต้องศึกษาให้ละเอียดมากขึ้น"
ขอบคุณเนื้อหาและที่มาของข่าวจาก : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 2 ต.ค. 2558 เวลา 16:08 น.