ทปอ.ไม่ใช้ข้อสอบอัตนัยคัดเข้ามหา'ลัย
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก- ก+
ทปอ.ไม่ใช้ข้อสอบอัตนัยคัดเข้ามหา'ลัย "ประสาท" ยอมรับข้อสอบอัตนัยดีวัดกระบวนการคิด วิเคราะห์ของเด็กได้ แต่ไม่เหมาะที่จะนำมาใช้คัดเลือกเด็กเข้ามหาวิทยาลัย เพราะคนสอบแข่งขันหลายแสนคน การตรวจข้อสอบต้องยึดความยุติธรรม ยันข้อสอบปรนัยคัดเลือกคนได้วันนี้(16 ก.ย.) ศ.ดร.ประสาท สืบค้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย(ทปอ.) กล่าวถึงกรณีที่นักวิชาการได้เสนอแนวคิดให้นำข้อสอบอัตนัยมาใช้ในการสอบคัดเลือก ว่า ในการสอบแข่งขันเพื่อคัดเลือก เช่น การคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาด้วยระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษา หรือ แอดมิชชั่น จะนำข้อสอบอัตนัยมาใช้คัดเลือกเป็นไปไม่ได้ เพราะจำนวนผู้เข้าสอบมีหลายแสนคน และ ที่ผ่านมา ทปอ.จะระมัดระวังเรื่องของความเป็นธรรมในการตัดสินผู้สอบ และต้องไม่เกิดความไม่ยุติธรรมเด็ดขาด เพราะเพียง1คะแนนก็มีความหมายกับผู้สอบ ที่อาจจะตัดสินว่าสอบได้ หรือ ไม่ได้ ถ้าอาจารย์ไม่มีความเป็นธรรมในการตรวจข้อสอบก็จะถูกร้องเรียนอีก
ศ.ดร.ประสาท กล่าวต่อไปว่า ส่วนที่มีข้อท้วงติงว่าแม้โรงเรียนจะลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้มีการปรับมาใช้ข้อสอบอัตนัยวัดความรู้เด็ก เพื่อให้เด็กคิดวิเคราะห์มากขึ้น แต่ถ้าระบบการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยยังไม่เปลี่ยนทุกอย่างจะเหมือนเดิมและมีการกวดวิชาเพิ่มขึ้นนั้น ส่วนตัวตนเห็นว่าถ้าสังคมไทยยังนิยมที่จะให้ลูกเรียนเพื่อเป็นแพทย์ เป็นวิศวกร และเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดังไม่กี่แห่ง ก็จะเกิดการแข่งขันกันสูงและมีการกวดวิชามากขึ้น แต่ถ้าจะให้มีการปรับระบบการศึกษาให้มีคุณภาพจริงๆจะต้องเริ่มตั้งระดับประถมศึกษา ขึ้นมาจนถึงระดับมัธยมศึกษาที่จะต้องทำให้เด็กคิดวิเคราะห์เป็น ที่สำคัญตัวครูจะต้องมีทักษะในการวัดและประเมินผลเด็กด้วย
ข้อสอบอัตนัยเป็นข้อสอบที่ดีที่จะทำให้รู้กระบวนการคิดวิเคราะห์ของเด็กได้ แต่เหมาะที่จะนำมาใช้สอบกับการสอบคัดเลือกที่มีผู้เข้าสอบจำนวนไม่มาก เพราะต้องใช้เวลาในการตรวจ อีกทั้งผู้ตรวจต้องมีทักษะในการวัดผลและมีความเป็นธรรมในการตรวจข้อสอบด้วย อย่างไรก็ตามข้อสอบปรนัย ที่ใช้ในการคัดเลือกในระบบแอดมิชชั่นมีมาตรฐาน สามารถคัดเลือกคนและเกิดความเป็นธรรมอยู่แล้ว ศ.ดร.ประสาท กล่าว.
ที่มาของข่าว : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันพุธที่ 16 กันยายน 2558 เวลา 11:32 น.