นร.หนุนลดเวลาเรียน แต่ห้ามบังคับทำกิจกรรม
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 3 ก.ย. ที่กระทรวงศึกษาธิการ มีกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท ที่ประกอบด้วยนักเรียนโรงเรียนมัธยมศึกษาหลายโรง เดินทางมายื่นหนังสือเปิดผนึกถึง พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เรื่องข้อเสนอแนะแนวทางปฏิรูปการศึกษา ซึ่งมี นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ปลัด ศธ.) เป็นผู้รับเรื่อง โดยนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ เลขาธิการของกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท กล่าวว่า กลุ่มเรารู้สึกดีใจที่ รมว.ศธ.จะเดินหน้าสานต่อการปฏิรูปการศึกษา ทำให้มีความหวังว่าท่านจะสามารถนำพาประเทศไทยให้ก้าวพ้นวิกฤติความตกต่ำทางการศึกษาได้ ขณะเดียวกันได้มีข้อเสนอแนะในนโยบายลดเวลาเรียนให้ รมว.ศธ.รับไว้พิจารณา คือ
1.ปัญหานักเรียนไทยเรียนมากเกินไปไม่ได้หมายถึงเวลาเรียนของนักเรียนในห้องเรียนมากเกินไป แต่รวมถึงปัญหาหลักสูตรมีเนื้อหายาว ไม่กระชับ และมีรายวิชาเรียนมากเกินไป ส่งผลให้เวลาที่ใช้เรียนมากตามไปด้วย การลดเวลาเรียนควรกระทำควบคู่กับการแก้ไขหลักสูตร ต้องรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วน รวมถึงครูผู้สอนและนักเรียนด้วย นอกจากนี้ยังควรปรับลดจำนวนรายวิชาบังคับลงและเพิ่มจำนวนวิชาเลือกเสรี เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนตรงตามความสนใจได้มากขึ้น ส่วนนโยบายให้มีการจัดกิจกรรมเสริมทักษะที่เน้นการลงมือปฏิบัติของนักเรียนนั้น ต้องคำนึงถึงการมีส่วนร่วม ความสนใจและความสมัครใจของนักเรียนเป็นหลัก กิจกรรมควรมีความหลากหลาย และไม่ควรมีการบังคับนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรม นอกจากนี้ ควรพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกในการเรียนรู้หรือทำกิจกรรมนอกเวลาเรียน เช่น ห้องสมุด สนามกีฬา ศูนย์สารสนเทศ ให้มีคุณภาพและทั่วถึง เพื่อให้นักเรียนมีแหล่งค้นคว้าเรียนรู้และแหล่งทำกิจกรรมนอกเวลาเรียนที่มีคุณภาพ
ด้าน นพ.กำจรกล่าวว่า กลุ่มนักเรียนได้มายื่นหนังสือเพื่อสนับสนุนนโยบายการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ของ รมว.ศธ. และขอมีส่วนร่วมในการกำหนดกิจกรรมที่จะมีขึ้นในช่วงบ่าย แต่เนื่องจากนักเรียนเป็นระดับมัธยมศึกษาปีที่ 5 ได้อธิบายไปว่ากิจกรรมนี้จะเริ่มระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งทุกคนก็เข้าใจ แต่มีข้อเรียกร้องว่าอยากให้ในการปฏิรูปการศึกษาหรือดำเนินการอะไรก็ตาม ขอให้มีนักเรียนและผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น เห็นด้วยกับนโยบายการลดเวลาเรียน แต่ขอให้ดำเนินการควบคู่ไปกับการแก้หลักสูตร ซึ่งจะถามข้อเสนอแนะจากครูและนักเรียน เนื่องจากเป็นผู้ที่มีส่วนได้-ส่วนเสียโดยตรง.
ที่มาของข่าว : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ วันที่ 3 กันยายน 2558